นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะกรรมการการบินพลเรือน(กบร.)เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2560 ได้สั่งการให้ทาง สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) กลับไปทบทวนโครงสร้างเพดานราคาค่าโดยสารสายการบินต้นทุนต่ำ หรือโลว์คอสต์ แอร์ไลน์ (Low-Cost Airline) ใหม่ โดยจะเร่งให้ศึกษาโครงสร้างค่าโดยสารอย่างรอบด้านให้สอดคล้องกับต้นทุนการให้บริการจริง ก่อนกลับมาเสนอให้ กระทรวงคมนาคมพิจารณาอีกครั้งในเร็วๆ นี้
ในเบื้องต้นมองว่าต้นทุนด้านการให้บริการของสายการบิน Low-Cost กับ สายการบินทั่วไปที่บริการเต็มรูปแบบ (Full-Service)ไม่ควรเท่ากัน เชื่อว่าเมื่อมีโครงสร้างใหม่จะทำให้ค่าโดยสารของสายการบิน Low-Cost ถูกลงอีก จากเดิมที่กำหนดไว้ทุกสายการบินจะต้องคิดค่าโดยสารไม่เกิน 13 บาท ต่อกิโลเมตร
นายอาคมกล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้สายการบินที่มีเส้นทางบินในประเทศ ปรับเพิ่มค่าโดยสารอีกคนละประมาณ 150 บาทต่อเที่ยว หลังจากก่อนหน้านี้รัฐบาลประกาศการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานเพิ่มอีกลิตรละ 4.62 บาท ทำให้สายการบินต้องรับภาระต้นทุนการให้บริการเพิ่ม ซึ่งค่าโดยสารอัตราใหม่นี้พบยังอยู่ในเกณฑ์เพดานราคาที่ กพท.กำหนด
ด้าน นายจุฬา สุขมานพผู้อำนวยการ กพท.ชี้แจงกรณีที่ทางสายการบินสยามแอร์ประสบกับปัญหาด้านสภาพคล่อง และไม่สามารถจ่ายค่าเช่าเครื่องบินให้กับบริษัทผู้ให้เช่าเครื่องบินได้ตามระยะเวลาที่กำหนดว่า ในเบื้องต้นทาง กพท.ได้เพิกถอนการจดทะเบียนอากาศยานของสายการบินสยามแอร์ แต่ยังไม่เข้าข่ายการถูกยกเลิกใบอนุญาตประกอบกิจการเดินอากาศ(AOL) และยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวังเท่านั้นเพราะถือว่ายังประกอบกิจการธุรกิจการบินได้ โดยปัจจุบันมีสายการบินที่เข้าข่ายเฝ้าระวังอยู่ 7-8 สายการบิน และบางแห่งได้ถูกยกเลิกใบ AOL ไปแล้วก่อนหน้านี้
นายปิยะ ยอดมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินนกสกู๊ต แถลงทิศทางการดำเนินงานปี 2560 ว่า โดยเชื่อว่าในปีนี้ไทยจะสามารถปลดล็อกธงแดงจากการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบิน จากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ICAO)ได้ ซึ่งหลังจากที่ปลดธงแดงแล้วทางสายการบินมีแผนที่จะเพิ่มเครื่องบิน 1 ลำ และเพิ่มเที่ยวบินไปยังเมืองรองของประเทศจีน ได้แก่ ชิงเต่า,นานกิง, ต้าเหลียน,เทียนจิน และเสิ่นหยาง โดยใช้แคมเปญส่งเสริมการตลาดออนไลน์เข้ามาช่วยให้นักท่องเที่ยวในประเทศสนใจใช้บริการสายการบินนกสกู๊ตมากขึ้น
ส่วนปริมาณผู้โดยสารในปีนี้คาดตั้งเป้าว่าจะอยู่ 1,100,000 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้โดยสารชาวจีน และส่วนที่เหลือประมาณ 200,000 คน จะเป็นผู้โดยสารชาวไทย และตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ประมาณ 5,000 ล้านบาท