ที่สุดคำสั่ง ม.44 ก็ฟาดใส่การรถไฟแห่งประเทศไทยอย่างแรง ล้างบางตั้งแต่กรรมการบอร์ด ยันผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย แต่ที่สังคมให้ความสนใจมากสุดเห็นจะเป็นเก้าอี้ผู้ว่าการ ซึ่ง วุฒิชาติ กัลยาณมิตร เข้ามานั่งบริหารได้ประมาณ 1 ปีเท่านั้น
ถือเป็นผู้ว่าการ การรถไฟฯ รายที่ 2 ในรัฐบาล คสช.ที่เจอคำสั่งปลดแบบฟ้าผ่า รายแรก อดีตผู้ว่าการ ประภัสร์ จงสงวน ประมาณกลางปี 2557 หลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญเจ้าหน้าที่รถไฟฆ่าข่มขืนเด็กสาว แต่ยุคผู้ว่าการวุฒิชาติ ไม่มีเรื่องดังว่า หรือข่าวรถไฟตกรางที่นั่นที่นี่เลย แต่จะมีเหตุใดที่เป็นชนวนคำสั่งเด้งครั้งนี้ ก็ต้องบอกว่ามีหลายมิติ
ปมร้อนเด้งพ้นตำแหน่ง
จับความจากหลายกระแสมี 2 ปมใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นเหตุปัจจัยทำให้ วุฒิชาติ ตกเก้าอี้ก่อนเวลา ปัจจัยแรก(ถือว่าสำคัญยิ่ง) การทำงานไม่สนองตามนโยบายรัฐบาล ไม่สามารถผลักดันงานออกมาตามแผนงานที่วางไว้ ไม่ว่าโครงการรถไฟความเร็วสูง (ที่สำเร็จเพียงแค่สถานีสัญลักษณ์ ที่วังน้อย), รถไฟทางคู่ 9 เส้นทาง แต่เปิดประมูลได้ 5 เส้นทาง หรือรถไฟฟ้าสายสีแดง รวมทั้งโครงข่ายรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ ที่ล้วนล่าช้ากว่าแผน
ปัจจัยที่ 2 ความไม่โปร่งใสการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งก่อนหน้าจะมีคำสั่งเด้ง การรถไฟฯก็มีคดีฟ้องร้องที่ศาลปกครอง ปมยกเลิกการจัดซื้อ 7 ขบวนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์แบบไม่ชอบมาพากล แบบว่าจ่อเซ็นสัญญาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด แต่ก็วืดไปในที่สุดจนดูเหมือนที่จะส่อแววจะส่งผลให้เก้าอี้ผู้ว่าการ ของวุฒิชาติ เริ่มสั่นคลอนมาแล้วครั้งหนึ่ง
ล่าสุดมีปมร้อนกรณีเปิดประมูลสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง ลาดกระบัง หรือไอซีดี ซึ่งทางการรถไฟฯต้องการหาผู้บริหารเพียง 1 รายเข้ามาจัดการ จึงมีเอกชนรายหนึ่งคือบริษัท ทิฟฟ่า ไอซีดี จำกัด (TIFFA) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง ระบุว่า TOR กำหนดคุณสมบัติให้ผู้ยื่นข้อเสนอต้องเป็นนิติบุคคลรายใหญ่หรือกิจการร่วมค้าเพียงรายเดียวเข้าบริหารทั้ง 6 สถานีนั้นเป็นการผูกขาด ทำให้กรณีนี้ยังคาราคาซังอยู่ แถมยังมีเรื่อง 5 เส้นทางรถไฟทางคู่ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคุณสมบัติของคณะกรรมการที่มีนายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการร.ฟ.ท.เป็นประธานกรรมการ ซึ่งต้องเลื่อนการประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติออกไปอย่างไม่มีกำหนดทั้งๆที่ผลการพิจารณาแล้วเสร็จตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องเหล่านี้ล้วนจะเป็นมูลเหตุให้ วุฒิชาติ กัลยาณมิตร ต้องกระเด็นพ้นตำแหน่งตามคำสั่ง ม 44 ของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 10/2560 เพื่อไปดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐประจำสำนักนายกรัฐมนตรีโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 เป็นต้นไป
ผลงานกว่า 1 ปี
เมื่อเข้ามารับตำแหน่งสิ่งที่ ผู้ว่าการวุฒิชาติเดินหน้าทันทีคือการปรับภาพลักษณ์องค์กรทั้งการปรับการบริการให้เป็นที่พึงพอใจประชาชนที่เดินทางด้วยรถไฟ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงห้องน้ำให้สะอาด ขบวนรถไฟเดินตรงต่อเวลา ด้วยตู้ขบวนใหม่สดใสสะอาดตา ตลอดจนเร่งรัดรถไฟ 115 ขบวนใหม่มาให้บริการครบทั้ง 4 เส้นทางตามแผนจนปรากฏว่ามียอดจองใช้บริการข้ามปี
นอกจากนั้นยังเร่งเดินหน้าโครงการประมูลไอซีดีลาดกระบังแต่ก็โดนเอกชนฟ้องร้องเสียเวลากว่า 6 เดือน ไม่เฉพาะกรณีเร่งรัดประกวดราคารถไฟทางคู่ทั้ง 5 เส้นทางแบบเหมาเข่งประมูลส่งท้ายปี เช่นเดียวกับกรณีการจัดซื้อและเช่า 50 หัวรถจักรเพื่อใช้งานด้านขนส่งสินค้าและโดยสารก็ยังจ่อประมูลอีกเพียบ
ดังนั้นวันนี้เมื่อร.ฟ.ท.ไร้ผู้ว่านำตัวจริงอีกครั้งคงต้องจับตาว่าโครงการระดับเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆที่มีมูลค่าระดับแสนล้านบาทของรัฐบาลโดยเฉพาะระบบรางจะขับเคลื่อนไปได้ช้าหรือเร็วกว่าที่ผ่านมา คงต้องมีลุ้นกันอีกครั้ง ในเมื่อกระบวนการทำงานของภาครัฐยังต้องเดินตามขั้นตอน
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ