กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมผนึกมหาดไทยทำความเข้าใจผู้ว่าฯ 77 จังหวัดทั่วประเทศทำความเข้าใจกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี เตรียมกดปุ่มปล่อยกู้วงเงิน 2 หมื่นล้านล็อตแรกภายใน เม.ย.นี้ โยนอำนาจคัดสรรผู้ประกอบการดาวรุ่งให้จังหวัดเต็มที่
นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า วันที่ 6 มี.ค. นายอุตตมะ สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เตรียมจัดประชุมผ่านระบบทางไกล (เทเลคอนเฟอเรนซ์) ร่วมกับผู้ว่าราชการ 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อชี้แจงถึงโครงการกองทุนพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ตามแนวทางประชารัฐ วงเงิน 20,000 ล้านบาท ที่จะมีการตั้งคณะกรรมการกองทุนฯ ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และมีอุตสาหกรรมจังหวัดเป็นเลขาฯ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ หน้าที่คณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าวจะครอบคลุมทุกขั้นตอน เช่น การกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาเอสเอ็มอีของจังหวัด, พิจารณาผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์จังหวัด, ดูแลศูนย์ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (เรสคิวเซ็นเตอร์) ให้คำปรึกษาการพัฒนาผู้ประกอบการอย่างเป็นระบบ ขณะเดียวกัน ระหว่างรอกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีฯ ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ จะตั้งคณะอนุกรรมการฯ เพื่อพิจารณาวงเงินปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอี คาดว่าจะปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้ภายใน 1-2 เดือนนี้
“กองทุนฯ ดังกล่าวจะคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำประมาณ 1-3% แต่ละรายอาจได้อัตราดอกเบี้ยไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการพิจารณา รวมทั้งแต่ละวงเงินอาจได้ดอกเบี้ยไม่เท่ากันด้วย เช่น ผู้ประกอบการ ก. ขอสินเชื่อ 15 ล้าน 10 ล้านแรกอาจได้ดอกเบี้ย 1% 5 ล้านหลังอาจได้ดอกเบี้ย 3% โดยจะเน้นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพในการยกระดับพัฒนา เช่น กลุ่มเอสเอ็มอีหน้าใหม่ กลุ่มที่สามารถพัฒนาได้ แล้วต้องการเงินทุน ส่วนกลุ่มที่ต้องการการฟื้นฟู จะมีกองทุนพลิกฟื้นของ สสว. จำนวน 2,000 ล้านบาท ดูแลอยู่แล้ว” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมกล่าว
นายสมชายยังกล่าวถึงความสำเร็จในการประสานความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมกับสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อจัดตั้งศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่อนาคต (Industry Transformation Center หรือ ITC) ในประเทศไทย ว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยร่วมดำเนินงานภายใต้กระทรวงฯ จึงเตรียมเปิดศูนย์ ITC เดือนมีนาคม 2560 เพื่อทำหน้าที่เชื่อมโยงหน่วยงานวิจัย หน่วยงานการศึกษา ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม และนักนวัตกรรม หรือผู้ประกอบการที่เป็น Start Up โดยทำงานลักษณะประชารัฐ คือ นำผู้ประกอบการตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มาทำงานร่วมกับหน่วยงานวิจัย เพื่อสนับสนุนตอบโจทย์ผู้ประกอบการ โดยเน้นคลัสเตอร์อุตสาหกรรมใหม่ตามนโยบายรัฐบาลก่อน
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา