หลังมีข่าวว่าค่ายเอสซี แอสเสทฯ เข้าซื้อที่ดินย่านชิดลมในราคา 1.9 ล้านบาท/ตร.ว. เมื่อปี 2558 เหล่าแฟนคลับโครงการแนวสูงน่าจะตั้งตารอชมหน้าตาของคอนโดฯโครงการนี้ว่าจะออกมาเป็นเช่นไร
ซึ่งเอสซีฯ เปิดเผยชื่อโครงการมาตั้งแต่ปีก่อนว่าจะใช้ชื่อ “28 ชิดลม” (ทเวนตี้เอจ ชิดลม) และเดิมวางแผนเปิดตัวในช่วงปลายปี แต่จำเป็นต้องชะลอการเปิดตัวออกไปตามสถานการณ์ตลาด โดยได้ฤกษ์แกรนด์โอเพนนิ่งวันพรีเซลแล้วในวันที่ 25-26 ก.พ.นี้ พร้อมเปิดห้องตัวอย่างให้ชม หลังจากมีการซอฟต์ลอนช์ขายแบบเงียบๆ ให้กับลูกค้าวีไอพีไปจำนวนหนึ่ง
“มิสเตอร์โฮม” จึงขอแวะเข้ามาชมห้องตัวอย่างใหม่สดซิงๆ ที่ 28 ชิดลม โดยมี “ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์” ซีอีโอหนุ่มหล่อ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น พรีวิวคอนเซปต์โครงการ และทีมเซลส์แนะนำรายละเอียดทั้งหมด
ภาพรวมโครงการ 28 ชิดลม มีมูลค่าโครงการรวม 8,000 ล้านบาท เนื้อที่ 3 ไร่ ตั้งอยู่บนถ.ชิดลม ห่างจากสถานีบีทีเอสชิดลม 250 เมตร ออกแบบแบ่งเป็น 2 อาคาร สูง 20 ชั้นและ 47 ชั้น จำนวนรวม 427 ยูนิต ส่วนราคานั้นเฉลี่ยที่ 3.5 แสนบาท/ตร.ม. ถือเป็นคอนโดฯระดับลักเซอรี่โครงการที่สามของเอสซีฯ ต่อจากศาลาแดง วัน ราคา 3.2 แสนบาท/ตร.ม. และบีทนิก ราคา 2.8 แสนบาท/ตร.ม.
สำหรับ 28 ชิดลม การได้ที่ดินนี้มาถือเป็นจุดไพรม์ โลเคชั่นมาก เพราะชิดลมเป็นย่านใจกลางเมืองที่แท้จริง และความห่างจากสถานีบีทีเอสเพียง 250 เมตร ทำให้เรื่องทำเลแทบไม่ต้องอธิบายอะไรมาก สิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบครบครัน ทั้งเซ็นทรัล ชิดลมในระยะ 180 เมตร, โรงเรียนมาแตร์เดอี ระยะเดิน 270 เมตร รวมถึงศูนย์การค้าอื่นๆ ใกล้เคียงอีกหลายแห่ง เช่น เซ็นทรัล เอ็มบาสซี, สยามพารากอน ฯลฯ
ด้านการออกแบบโครงการ แบ่งเป็น 2 อาคารคือ The Tower สูง 47 ชั้น จำนวน 243 ยูนิต และ The Villa สูง 20 ชั้น จำนวน 184 ยูนิต การวางตัวให้ตึก The Villa อยู่ด้านหน้า และ The Tower ซ้อนด้านหลัง ความห่าง 25 เมตรตรงกลางจะออกแบบเป็นสวนสีเขียว ทำให้ตึก The Tower ช่วงชั้น 2-5 จะได้วิวสวน ขณะที่ชั้น 6-20 ซึ่งเป็นช่วงกลางของตึกจะมีราคาย่อมเยาลงเพราะห่างจากสวนและมีด้านหลังตึก The Villa บดบังวิวเมือง จุดนี้จะเหมาะกับลูกค้าที่ไม่ซีเรียสเรื่องวิวทิวทัศน์มากนัก
ตัวฟาซาด (facade) ของตึกถูกออกแบบให้เล่นระดับเป็นรูปกล่อง ซึ่งเอสซีฯให้นิยามว่าเป็น Jewel Box หรือกล่องเครื่องเพชร นอกจากด้านนอกจะสวยงามแล้ว จะทำให้ผู้อยู่อาศัยภายในรู้สึกได้เทกวิวรอบตัวมากขึ้นคล้ายกับอาศัยอยู่ในห้องหัวมุม แต่การเล่นระดับกล่องบริเวณที่ยื่นออกมาจากตัวตึกในแต่ละห้องชุดจะมากน้อยไม่เท่ากัน ดังนั้นต้องเล็งเหลี่ยมมุมกันให้ดีก่อนจองซื้อ
ในส่วนพื้นที่ส่วนกลาง บริเวณล็อบบี้มีคอนเซ็ปต์ใช้หินสีดำประดับพื้น และหินอ่อนสีเขียวลายขาว เรียกว่า Green Spider หรือแมงมุมสีเขียว เพื่อจะสื่อถึงพื้นที่เดิมของที่ดิน เป็นบ้านเก่าแก่ที่มีสวนสีเขียวขนาดใหญ่ หินประดับ Green Spider นี้ยังจะถูกใช้ในบริเวณโครงการอื่นๆ ด้วย เช่น ริมสระว่ายน้ำ ขึ้นไปบนชั้น 44 จะมีสระว่ายน้ำวิวพาโนรามายาว 20 เมตร สระเด็ก และฟิตเนส ส่วนชั้น 45-47 จะเป็นเพ้นท์เฮ้าส์ทั้งหมด ลงมาที่ชั้น 12 จะมีสระสปาไว้แช่น้ำผ่อนคลาย ด้านที่จอดรถมีทั้งหมด 358 คัน แบ่งเป็นที่จอดรถระบบออโตเมติกปาร์กกิ้งในตึก The Tower จำนวน 136 คัน และที่จอดรถปกติในชั้นใต้ดิน 6 ชั้นของตึก The Villa จำนวน 222 คัน ซึ่งทั้งหมดผู้อยู่อาศัยใช้ร่วมกันได้
ว่ากันต่อที่แบบห้องชุด เริ่มต้นที่แบบสตูดิโอ พื้นที่ใช้สอย 33 ตร.ม., 1 ห้องนอน 40-50 ตร.ม., 2 ห้องนอน 70-75 ตร.ม., 3 ห้องนอน 120-126 ตร.ม. และเพ้นท์เฮ้าส์ 100-190 ตร.ม. โดยสำนักงานขายจะมีห้องแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอนให้ชม
“มิสเตอร์โฮม” ได้เข้าชมห้องชุด 1 ห้องนอน 46 ตร.ม. การแบ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ในห้องจะเป็นส่วนครัวและห้องนั่งเล่น โดยให้เคาน์เตอร์ครัวทรงตัวแอล พร้อมตู้และตู้เย็นบิวท์อินจัดเต็มทั้งบริเวณโถงทางเข้า ถัดมาในส่วนนั่งเล่นค่อนข้างโอ่โถงจากความสูงพื้นถึงเพดาน 3.1 เมตร และกรุกระจกให้เต็มความสูงพื้น พร้อมทางเข้าออกระเบียง ซึ่งทำให้แสงแดดเข้าอย่างเต็มที่
ด้านในเป็นห้องนอน ซึ่งกรุผนังด้วยกระจกพื้นถึงเพดานอีกเช่นกัน แน่นอนว่าเป็นกระจก 2 ชั้น กันเสียงและความร้อน พร้อมด้วยวอล์กอินโคลเซทเล็กๆ ให้ตู้บิลท์อินทั้งสองข้างผนัง และห้องน้ำแบบฝักบัว ใช้สุขภัณฑ์ของโตโต้แถมฝารองนั่งวอชเลทมีสายชำระอัตโนมัติ
ไฮไลต์ที่เอสซีฯนำเสนอในห้องนี้คือการแก้ปัญหาการอยู่อาศัยในคอนโดฯคือเรื่องที่เก็บของ ทำให้ติดตั้งตู้บิลท์อินในทุกๆ มุมที่เหมาะสม เช่น ผนังโถงทางเข้าห้องและครัวทั้งหมด ซึ่งอาจจะทำให้ห้องดูแน่นเล็กน้อย แต่หากคำนึงถึงการอยู่อาศัยจริงน่าจะตอบโจทย์ได้ดี รวมถึงการใช้วัสดุหินอ่อนประดับพื้นทางเข้า และพื้น-ผนัง-เคาน์เตอร์ท็อปของห้องน้ำ ทำให้ได้ความรู้สึกหรูหรามากขึ้น
ทั้งนี้โครงการจะเปิดขายเฉพาะ The Tower ก่อนจนกว่าสินค้าใกล้หมดจึงจะเปิดขายยูนิตในตึก The Villa ทำให้ห้องตัวอย่างทั้งหมดเป็นแบบเฉพาะของตึก The Tower ขณะที่ The Villa จะต้องรอการออกแบบอีกครั้ง แต่คาดว่าจะคล้ายคลึงกัน อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างทั้ง 2 ตึกเริ่มดำเนินการพร้อมกันตั้งแต่เดือนพ.ย.59 คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นปี 2562
จากการเปิดซอฟต์ลอนช์ทำให้มียอดขายจากรอบวีไอพีแล้ว 50% ของตึก The Tower และดูเพล็กซ์เพ้นท์เฮ้าส์ 190 ตร.ม. จำนวน 2 ห้อง ปิดการขายแล้วทั้งหมด มีห้องที่ฮอตฮิตติดลมบนคือห้องแบบดูเพล็กซ์ที่เหลือเพียง 2 ห้องจาก 15 ห้อง และห้องสตูดิโอที่เหลือเพียง 2 ห้องเช่นกัน ราคาเริ่มต้นในวันพรีเซล สตูดิโอ 10 ล้านบาท และ 1 ห้องนอนเริ่ม 14 ล้านบาท
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ