เอสซีจีเผยผลประกอบการปี′59 มีรายได้ 4.2 แสนล้าน ลดลง 4% อานิสงส์กลุ่มเคมีภัณฑ์ดันกำไรพุ่ง 5.6 หมื่นล้าน วาดเป้าปี′60 รายได้เพิ่ม 5-10% ชี้ตลาดปูนไทยโตไม่เกิน 3% หวังเมกะโปรเจ็กต์รัฐดันเอกชนตื่นตัวลงทุน ลุยซื้อโรงปูนเวียดนาม
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า ปี 2559 มีรายได้จากการขาย 423,442 ล้านบาท ลดลง -4% แต่มีกำไร 56,084 ล้านบาท เติบโตขึ้น 24% จากธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่อยู่ในช่วงวัฏจักรขาขึ้น
ผลประกอบการแบ่งตามประเภทธุรกิจ ได้แก่ 1.เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขาย 170,944 ล้านบาท ลดลง -4% จากการแข่งขันที่สูงขึ้น และตลาดในประเทศใช้ปูนลดลง -2% ทำให้การแข่งขันสูงขึ้น และตลาดปูนอาเซียน แม้การใช้ปูนโดยรวมจะเติบโต แต่มีผู้เล่นใหม่เข้าสู่ตลาด ทำให้การแข่งขันสูงขึ้นมาก ด้านกำไรมี 8,492 ล้านบาท ลดลง -17%
2.เอสซีจี เคมิคอลส์ มีรายได้จากการขาย 188,163 ล้านบาท ลดลง -6% แต่มีกำไร 42,084 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% เนื่องจากเป็นช่วงขาขึ้นของธุรกิจ 3.เอสซีจี แพ็กเกจจิ้ง มีรายได้จากการขาย 74,542 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% มีกำไร 3,565 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3%
“ธุรกิจเอสซีจีในอาเซียน ทั้งจากฐานผลิตต่างประเทศและการส่งออกปี′59 มีรายได้ 97,669 ล้านบาท คิดเป็น 23% ของรายได้รวม ลดลง -2% เนื่องจากราคาสินค้าที่ลดลงและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น”
สำหรับปี 2560 ตั้งเป้ารายได้โต 5-10% เนื่องจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ยังมีโอกาสที่ดี และตลาดปูนในประเทศจะกลับมาเติบโต 1-3% หลังรัฐเริ่มก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ทำให้มีการใช้ปูนเพิ่มอีก 1 ล้านตัน แม้คิดเป็นเพียง 2.5% ของทั้งประเทศ แต่จะมีผลทำให้เอกชนมีการลงทุนติดตามมา ซึ่งจะทำให้การใช้ปูนกลับมาที่ระดับ 40 ล้านตันต่อปี จากปีก่อนใช้ปูนลดลง -2% ทำให้การแข่งขันในประเทศรุนแรง
“ปัจจัยกังวลปีนี้มีแนวโน้มภาคก่อสร้างราคาน้ำมันและการแข่งขันในตลาดอาเซียนที่รุนแรงขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มปูนซีเมนต์”
นายเชาวลิตเอกบุตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ การเงินและการลงทุน เอสซีจี เปิดเผยว่า ปี”59 ตลาดปูนในอาเซียนยังเติบโต โดยประเทศกัมพูชาและเวียดนาม มีการใช้ปูนโตได้ดับเบิลดิจิต เมียนมามีการชะลอ อินโดนีเซียทรงตัว ซึ่งเอสซีจียังคงมีนโยบายแข่งขันในตลาดอาเซียน ปี”60 มีงบฯลงทุน 6-7 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่จะลงทุนในปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ที่ประเทศเวียดนาม และงบฯบางส่วนกำลังพิจารณาควบรวมกิจการโรงปูนในเวียดนาม ยังอยู่ระหว่างเจรจาหลายข้อเสนอ คาดว่าจะปิดดีลได้ภายในปีนี้
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ