โครงการใหญ่ใต้ปีก “กระทรวงคมนาคม” ทุกโครงการล้วนเป็นสิ่งที่หลายคนรอคอยและให้ความสนใจ ด้วยขนาดของโครงการและเม็ดเงินที่สูง“ประชาชาติธุรกิจ” พาสำรวจโครงการที่ขึ้นชื่อว่า…สุดยอดและเป็นที่สุดของคมนาคมในหลากมุมมอง ขึ้นแท่นแลนด์มาร์กใหม่
เริ่มจาก 4 สถานีรถไฟฟ้าสุดฟินของสายสีน้ำเงินต่อขยายบางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค ที่หลายคนเฝ้ารอ ล่าสุด “รฟม.-การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย” แจ้งว่า ผู้รับเหมา “ช.การช่าง-อิตาเลียนไทยฯ” ก่อสร้างใกล้จะแล้วเสร็จซึ่งรถไฟฟ้าสายนี้พาดผ่านพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ “รฟม.” กับผู้รับเหมาจึงออกแบบสถานีให้เป็นแลนด์มาร์กสำคัญในการท่องเที่ยวแห่งใหม่
สถานีแรก “วัดมังกรกมลาวาส” ด้วยจุดที่ตั้งอยู่บน ถ.เจริญกรุง ตัด ถ.พลับพลาไชย และ ถ.แปลงนาม เป็นย่านการค้าและที่อยู่อาศัยของชาวจีน จึงออกแบบภายในและภายนอกสถานีเป็นสไตล์จีนผสมไทย ตกแต่งด้วยลายมังกรกับดอกบัวตามชื่อวัดมังกรกมลาวาส สื่อถึงความเป็นอยู่ของชาวจีน โดยบรรยากาศภายในเน้นโทนสีแดง ดึงแคแร็กเตอร์ของวัดมังกรฯมาเป็นลวดลายในการตกแต่ง ส่วนภายนอกสถานีจะเป็นสไตล์จีนผสมไทย ตกแต่งด้วยสีที่ให้ความกลมกลืนกับพื้นที่
“สถานีวังบูรพา” ตั้งอยู่ ถ.เจริญกรุง ตัด ถ.มหาไชย ที่แยกสามยอด จนถึง ถ.เจริญกรุง ตัด ถ.อุณากรรณ และ ถ.บูรพา ออกแบบสไตล์สมัยยุครัชกาลที่ 5 กึ่ง ๆ หอจดหมายเหตุ บอกเล่าเรื่องราวความเป็นประวัติศาสตร์ของพื้นที่ เช่น จำลองร้านเซ่งชง ร้านตัดรองเท้าเก่าแก่มาไว้ภายในสถานี ขณะที่ภายนอกสถานีรูปแบบอาคารสไตล์สมัยรัชกาลที่ 5 ตกแต่งด้วยสีเรียบง่ายกลมกลืนกับพื้นที่
“สถานีสนามไชย” ตั้งอยู่ ถ.สนามไชย ตัดกับ ถ.พระพิพิธ จนถึง ถ.สนามไชย ตัดกับ ถ.ราชินี นับว่าเป็นสถานีที่เป็นศูนย์กลางของกรุงเทพฯ อีกทั้งอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์เกาะรัตนโกสินทร์ และมิวเซียมสยามจึงตกแต่งให้เป็นสถานีที่ฟินาเล่ของโครงการ และเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ มี “รศ.ดร.ภิญโญ สุวรรณคีรี” ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ หรือสถาปัตยกรรม เป็นผู้ออกแบบให้ ภายในเป็นลักษณะท้องพระโรงสมัยรัตนโกสินทร์ ให้ความรู้สึกงดงาม ตระการตา ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมไทยสุดวิจิตร ทรงคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่สำคัญ
อีกทั้งยังจัดให้มีพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุที่ขุดพบในบริเวณนี้มาแสดงโชว์เช่นคลองรากหรือฐานรากโครงสร้างพระราชวัง,ตุ๊กตาดินเผา, ถ้วย, ชาม, กระเบื้องดินเผาสมัยพุทธศตวรรษที่ 24-25, ปืน, เหรียญโลหะสมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ส่วนรูปแบบภายนอกเน้นการตกแต่งเรียบง่ายเข้ากับพื้นที่
“สถานีอิสรภาพ” ตั้งอยู่ซอยอิสรภาพ 23-34 การตกแต่งสถานีภายนอกเป็นอาคารสถาปัตยกรรมโบราณที่สร้างขึ้นสมัยก่อน มีการนำลวดลายวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหารมาเป็นองค์ประกอบในการตกแต่งภายใน เพื่อให้มีกลิ่นอายของความเป็นประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่าของพื้นที่เป็น 4 สถานีที่สะท้อนให้เห็นว่า การก่อสร้างก็สามารถอยู่คู่ไปกับวัฒนธรรมได้
ถนน…สวยสุดในสยาม
ขณะที่ “ถนนพิษณุโลก-หล่มสัก” หลัง “ทล.-กรมทางหลวง” ทุ่มเม็ดเงิน 3,386 ล้านบาท ปรับโฉมใหม่ให้เป็น 4 ช่องจราจร ก็ได้รับความสนใจไม่น้อย เพราะความสวยเข้าตาจนได้รับฉายาสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย
สำหรับถนนสายนี้มีชื่อทางการว่า ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 เป็นถนนสายสำคัญเพราะเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Corridor) จากเมียนมา ทะลุเวียดนาม
เริ่มจาก “เมียวดี” ประเทศเมียนมา
ผ่านมายัง อ.แม่สอด จ.ตาก สุโขทัย พิษณุโลก ขอนแก่น และสิ้นสุดที่ จ.มุกดาหาร จุดปลายทางที่จะเชื่อมกับฝั่ง สปป.ลาว ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 2 “มุกดาหาร-สะหวันนะเขต” ประตูการค้าชายแดนไทยทะลุไปถึงประเทศเวียดนามอีกทั้งยังเป็นเส้นทางที่เปิดการท่องเที่ยวของไทยให้คึกคักขึ้นเพราะตลอดเส้นทางมีแหล่งท่องเที่ยวกระจายอยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็นน้ำตกสกุโณทยานและสวนพฤกษศาสตร์น้ำตกปอยและสวนป่าเขากระยาง อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง และจุดชมทิวทัศน์บริเวณดอยม้ง
ล่าสุด “ทล.” กำลังเร่งสร้างช่วง “หล่มสัก-มุกดาหาร” หลังได้รับงบประมาณปี 2560 จำนวน 6,900 ล้านบาทแล้ว ไฮไลต์อยู่ช่วง “หล่มสัก-น้ำหนาว-คลองลาน” ประมาณ 65-66 กม. ซึ่งพาดผ่านอุทยานน้ำหนาว ที่ปรับแบบใหม่ให้สอดล้องกับสภาพพื้นที่แวดล้อม ออกแบบเป็นอุโมงค์ต้นไม้ มีราวกั้นพร้อมตกแต่งด้วยพุ่มไม้สวยงาม ตามแผนแล้วเสร็จปี 2562
เมื่อวันนั้นมาถึง ถนนสายนี้จะกลายเป็นถนนท่องเที่ยวแห่งใหม่ทะลุอาเซียนที่สมบูรณ์แบบ
ต่อเวลาก่อสร้างนานสุด
มาดูโปรเจ็กต์ที่มีการขยายเวลาให้ผู้รับเหมามากที่สุดมี2โครงการ คือ รถไฟฟ้า 2 สาย 2 สี “สายสีน้ำเงินต่อขยาย” ที่ผู้รับเหมา 5 สัญญา พร้อมใจกันขอต่อเวลาพร้อมค่าชดเชยร่วม 1,000 ล้านบาทจาก รฟม. หลังส่งมอบพื้นที่ล่าช้า ยังลุ้นจะเปิดใช้ปี 2562 ตามเป้าหรือไม่ แยกเป็น สัญญา 1 งานอุโมงค์ใต้ดิน (หัวลำโพง-สนามไชย) ของอิตาเลียนไทยฯ ขอขยายเวลาออกไป 270 วัน ถึงวันที่ 2 มี.ค. 2560 ค่าชดเชย 300 ล้านบาท
สัญญา 2 งานอุโมงค์ใต้ดิน (สนามไชย-ท่าพระ) ของ ช.การช่าง ขอขยายเวลา 3 เดือน ถึงวันที่ 3 ก.ย. 2559 ไม่มีค่าชดเชย สัญญา 3 ทางวิ่งยกระดับ (เตาปูน-ท่าพระ) ของกลุ่มยูนิคและซิโนไฮโดร ขอขยายเวลา 810 วัน ถึงวันที่ 11 ก.ย. 2562 ค่าชดเชย 690 ล้านบาท สัญญา 4 ทางวิ่งยกระดับ (ท่าพระ-หลักสอง) ของซิโน-ไทยฯ ขอขยายเวลา 480 วัน เป็นวันที่ 18 ก.ย. 2560 ค่าชดเชย 390 ล้านบาท และสัญญา 5 งานวางรางทั้งโครงการไซต์งานของ ช.การช่าง ขอขยายเวลาไป 3 ปี เป็นวันที่ 31 ธ.ค. 2561 ขอค่าชดเชย 500 ล้านบาท
ขณะที่รถไฟชานเมืองสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต ของ “ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย” ตั้งเป้าเปิดใช้บริการ 2563 ซึ่งผู้รับเหมาขอขยายเวลาเพิ่ม จากเดิมจะสิ้นสุดในปี 2560
“สัญญาที่ 1” งานสถานีกลางบางซื่อ อาคารซ่อมบำรุงและสถานีจตุจักร ของกลุ่มกิจการร่วมค้าเอสยู (ซิโน-ไทยฯ และยูนิคฯ) วงเงิน 34,118 ล้านบาท ทางผู้รับเหมาขอขยายเวลา 3 ปี ถึงปี 2563 จากเดิมสิ้นสุด ก.ค. 2560 เพราะติดรื้อย้ายท่อขนส่งน้ำมันของ บจ.ขนส่งน้ำมันทางท่อ (FPT)
“สัญญาที่ 2” งานทางวิ่งรถไฟยกระดับ และระดับดิน พร้อมอาคารสถานี 6 สถานี ได้แก่ บางเขน ทุ่งสองห้อง หลักสี่ การเคหะฯ ดอนเมือง และรังสิต มี บมจ.อิตาเลียนไทยฯเป็นผู้ก่อสร้าง วงเงิน 24,575 ล้านบาท ก็ขอขยายเวลาอีก 1 ปี ถึงปี 2561 จากเดิมจะสิ้นสุดเดือน ก.ค. 2560และ “สัญญาที่ 3” ติดตั้งระบบไฟฟ้า เครื่องกล และจัดหารถไฟฟ้า เพิ่งลงนามสัญญากับกลุ่มร่วมค้า MHSC (มิตซูบิชิเฮฟวี่-ฮิตาชิ-สุมิโตโม) จากประเทศญี่ปุ่น วงเงิน 32,399 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2559
เจรจา…มาราธอน
ขณะเดียวกันมีโครงการที่น่าจะจบ แต่ก็ยังไม่จบ อย่างการคัดเลือกเอกชนมารับสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ระยะทาง 27 กม. หลังนโยบายกลับไปกลับมา จนผ่านไปกว่า 2 ปีก็ยังไม่มีข้อยุติ
ล่าสุด “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ออกคำสั่ง ม.44 หวังผ่าทางตัน ให้เจรจา “BEM-บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ” ผู้รับสัมปทานเดินรถสีน้ำเงินเดิม เพื่อเร่งเปิดรถไฟฟ้าฟันหลอ 1 สถานี ระหว่างสถานีบางซื่อของสีน้ำเงินกับสถานีเตาปูนของสายสีม่วง ให้เดินรถเชื่อมต่อกันโดยเร็ว
ความคืบหน้าเมื่อสิ้นปี 2559 ตั้งเป้าจะเปิดให้ได้ภายในกลางปี 2560 หลังดึงการจ้าง 1 สถานีออกมาจากสัญญาใหญ่ที่ยังไม่รู้ชะตากรรมว่า รัฐบาลทหารจะรับข้อเสนอของ BEM หรือไม่
ด้าน “รถไฟไทย-จีน” เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย เป็นอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ที่ใช้เวลานานไม่แพ้กัน ซึ่งโครงการนี้เริ่มประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อเจรจารายละเอียดโครงการ
นับจากต้นปี 2558 ถึงปัจจุบันก็ครบ 2 ปี ผ่านการประชุมคณะกรรมการร่วมมา 16 ครั้ง
มีข้อสรุปจะเริ่มสร้างเฟสแรก “กรุงเทพฯ-โคราช” ระยะทาง 253 กม. เงินลงทุน 179,412 ล้านบาท เป็นระบบรถไฟความเร็วสูงจากประเทศจีน วิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. ปักหมุดช่วงสถานีกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กม. เป็นจุดเริ่มต้นโครงการ ส่วนแผนก่อสร้างก็ขยับมาหลายครั้ง ล่าสุดเป็นเดือน มี.ค. 2560 แต่ก็ยังต้องลุ้นจะเจอโรคเลื่อนอีกหรือไม่ ในเมื่ออะไรหลาย ๆ อย่างยังไม่ลงตัว
ล้มประมูลซ้ำซาก
สุดท้าย “รถเมล์ NGV” ที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) พยายามผลักดันมานานนับจากปี 2545 และผ่านมาหลายรัฐบาล จากแผนเดิมตั้งต้นจะซื้อ 3,184 คัน วงเงิน 13,162 ล้านบาท มาถึงยุครัฐบาลทหารผ่าทางตันชำแหละโครงการใหม่ ซื้อแค่ 489 คัน ส่วนที่เหลือปรับเป็นรถเมล์ไฟฟ้าแทน
โดยเปิดประมูลรอบแรก ทาง “กลุ่มบริษัทร่วมค้า JVCC” ประกอบด้วย บมจ.ช.ทวี ดอลลาเซียน และ บจ.ขอนแก่น ช.ทวี วงเงินกว่า 1,700 ล้านบาท แต่ต้องล่มกลางคัน เมื่อบริษัทคู่แข่ง “เบสท์รินกรุ๊ป” ร้องเรียนไปยัง “กวพ.อ.-คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์” ถึงกระบวนการไม่ถูกต้อง ทำให้ “คมนาคม” ยกธงขาว ยกเลิกและเปิดประมูลใหม่
ล่าสุดเกมพลิก กลุ่ม “เบสท์รินกรุ๊ป” เป็นผู้ชนะประมูลด้วยวงเงิน 3,389 ล้านบาท และดูเหมือนทุกอย่างจะลงตัวด้วยดี แต่สุดท้ายรถที่กำลังจะมาวิ่งกลับจอดเกยท่าอยู่แค่ท่าเรือแหลมฉบัง หลังกรมศุลกากรตรวจพบว่าเป็นรถที่ประกอบจากจีน ไม่ใช่จากมาเลเซียอย่างที่แจ้ง หากจะนำรถออกจากท่าต้องเสียค่าภาษี 948 ล้านบาทก่อน
จากที่รัฐบาลทหารหมายมั่นปั้นมือจะโชว์เป็นผลงานชิ้นโบแดง เลยกลายเป็นผลงานชิ้นโบดำส่งท้ายปีไปโดยปริยาย
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ