การแข่งขันธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ปัจจุบัน ถือว่ารุนแรงไม่แพ้ธุรกิจอื่น เนื่องจากมีผู้ประกอบการเข้ามาในตลาดจำนวนมาก ทั้งจากผู้ผลิตไทยเอง และนำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้นการปรับตัวเพื่อแข่งขันจึงรวดเร็วรุนแรง
กีรติ เสริมประภาศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส.พี.เอส. กรุ๊ป (ส.ประภาศิลป์) กล่าวว่า ได้ปรับแผนธุรกิจครั้งใหญ่ เพื่อรับกับการแข่งขันในธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ที่รุนแรงมากขึ้น จากเดิมที่บริษัทเป็นเพียง ผู้รับจ้างผลิตสินค้า หรือ Original Equipment Manufacturer (OEM) หันมาเน้นผลิตแบบ Original Desigh Manufacturer (ODM) ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากได้ตั้ง เอส.พี.เอส.ญี่ปุ่น เพื่อออกแบบเฟอร์นิเจอร์เจาะกลุ่มลูกค้าในประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ซึ่งลูกค้าชาวญี่ปุ่นให้การตอบรับดี โดยผลิตจำหน่ายหลายแบรนด์ เจาะทั้งตลาดระดับกลางและไฮเอนด์
พร้อมกันนี้ ได้เปิดตัวเฟอร์นิเจอร์แบรนด์โมด้า (Modar) เพื่อทำตลาดในรูปแบบบีทูบี หรือขายเจาะกลุ่มองค์กรเป็นหลัก โดยเฉพาะมุ่งขายเข้าโครงการคอนโดมิเนียม ส่งผลทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง โดยที่ผ่านมาได้ส่งมอบให้กับโครงการไอคอนโด ของบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค โครงการดิเอ็นเนอร์จี้ ของบริษัท ราชประสงค์ กรุ๊ป โครงการคอนโดมิเนียม บริษัท ปริญสิริ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังส่งไปฟิลิปปินส์ อินเดีย กัมพูชา และล่าสุดไปทำตลาดวานูอาตู ประเทศเกิดใหม่มา 7 ปี ปัจจุบันมีคำสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์เพื่อใช้ในโครงการบ้านแนวราบ 4,000 ยูนิต ที่ต้องเร่งส่งมอบกลางปี 2558 จำนวน 2,000 ยูนิต ในเฟสแรก
“บริษัทถือเป็นผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ให้กับอิเกีย ในรูปแบบโออีเอ็ม หรือรับจ้างผลิตในแบรนด์ของลูกค้า ที่ผลิตกว่าหลักแสนชิ้น เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ซึ่งกลยุทธ์ต่อมาเราก็พัฒนาในรูปแบบโอดีเอ็ม ที่มีสินค้าดีไซน์ของ ตัวเอง พร้อมๆ กับการสร้างแบรนด์สินค้าของตัวเอง หรือ Original Brand Manufacturer (OBM) ให้รู้จักในกลุ่ม บีทูบียิ่งขึ้นกว่า 2 ปีที่ผ่านมา” กีรติ กล่าว
สำหรับปี 2557 ที่ผ่านมา บริษัทโต 24% มีส่วนแบ่งตลาด 22% จากส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไทย ไม่รวมการส่งออกชิ้นส่วน 1.45 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 2558 ตั้งเป้าโตกว่า 10%
กีรติ มองเศรษฐกิจไทยปี 2558 ยังไม่ฟื้นตัวมาก บริษัทจึงปรับตัวหันให้ความสำคัญกับตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะพม่าและกัมพูชา เพราะประเทศนี้โต กว่า 5-6% คาด 5 ปีนับจากปี 2558 จะครอบคลุมตลาดอาเซียนได้
กิจจา ปัทมสัตยาสนธิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชิค รีพับบลิค กล่าวว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะฟื้นตัวดี คาดลูกค้าระดับกลาง-ล่าง จะกล้าจ่ายมากขึ้น หลังไม่โดนกระทบจากราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำและหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น
สำหรับกลางเดือน ม.ค. 2558 บริษัทจะเปิดสาขาใหม่บริเวณบางนา กม. 4 ที่ใช้เงินลงทุน 350 ล้านบาท โดยในปี 2557 บริษัทมียอดขายรวมกว่า 700 ล้านบาท เติบโตจากปี 2556 ประมาณ 35% และตั้งเป้าว่าในปี 2558 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30-40% ส่วนภาพรวมตลาดเฟอร์นิเจอร์ในปีนี้ คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น
ธัญญรักข์ ชวาลดิฐ กรรมการบริหารฝ่ายงานการตลาด กลุ่มบริษัท เอส.บี.เฟอร์นิเจอร์ ผู้ดำเนินธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เอสบี กล่าวว่า กลยุทธ์การทำตลาดของบริษัทจะเน้นเจาะตลาดระดับกลาง-บน รูปแบบสินค้ามีให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบรนด์เอสบี และแบรนด์คอนเซ็ปต์
ขณะที่แผนธุรกิจบริษัทเดินหน้าขยายเอสบี ดีไซน์ สแควร์ รูปแบบแฟล็กชิปทำเลทอง หรือสังคมเมืองเกิดใหม่ ในบริเวณที่มีกำลังซื้อสูง โดยทุ่มงบลงทุน 1,650 ล้านบาท เปิดตัว 2 สาขาในโซนตะวันตก แบ่งเป็นเม็ดเงินลงทุนกว่า 1,250 ล้านบาท เปิดตัวที่เดอะคริสตัล เอสบี ราชพฤกษ์ บนพื้นที่ 2.3 หมื่น ตร.ม. ซึ่งเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท เพราะเป็นโซนที่มีศักยภาพ มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ร่วม 100 โครงการ ราคาบ้านระดับ 4 ล้านบาทขึ้นไป
เหล่านี้คือการปรับตัวของบรรดาผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์ เพื่อรับกับความผันผวนเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปี 2558
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์