วิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีอาคารสูงจำนวนมากถูกทิ้งร้าง ดีเวลอปเปอร์หลายรายต้องปิดกิจการ ด้วยเหตุนี้ภาครัฐจึงจัดตั้ง ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ขึ้นในปี 2547
เพื่อเป็นหน่วยงานกลางในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่ครบถ้วนและเป็นระบบ ในการสร้างดัชนีและระบบเตือนภัยทางเศรษฐกิจ ป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤติหรือลดความเสี่ยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้ผลอย่างยิ่ง เพราะไม่ว่าจะเป็นดีเวลอปเปอร์หรือประชาชนต่างก็นำข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ไปพิจารณาก่อนการตัดสินใจลงทุน
สำหรับบทสรุปตลาดอสังหาฯในปี 2557 และทิศทางอสังหาฯไทยในปี 2558 จะเป็นอย่างไรนั้น นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้ให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงเรื่องดังกล่าวอย่างละเอียด
ตลาดอสังหาฯปี 57 ติดลบ 5%
หากดูตามข้อมูลการเปิดตัวโครงการใหม่ พบว่า มีจำนวนโครงการบ้านจัดสรรเปิดใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 4% คาดว่าทั้งปีจะมีหน่วยบ้านจัดสรรเปิดใหม่ในเขตกทม.-ปริมณฑลทั้งหมดประมาณ 4.5 หมื่นหน่วย สำหรับคอนโดมิเนียม ยอดเปิดตัวโครงการใหม่ตกลงมากถึง 21% คาดว่าทั้งปีจะมีหน่วยคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในเขตกทม.ปริมณฑลทั้งหมดประมาณ 6.5 หมื่นหน่วย รวมกันประมาณ 1.1 แสนหน่วย ลดลงจากปี 2556 ที่มีคอนโดมิเนียมเปิดตัวใหม่จำนวน 8.5 หมื่นหน่วย หายไป 2 หมื่นหน่วย
แม้ว่าตัวเลขการเปิดตัวของคอนโดมิเนียมจะลดลง แต่ไม่น่ากังวล เนื่องจากปี 2556 มีการเปิดตัวโครงการใหม่มากเกินไป เหตุจากปลายปี 2554 เกิดน้ำท่วมใหญ่ ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯถึงกลางปี 2555 หลังจากนั้นตลาดเริ่มฟื้นและดีขึ้นต่อเนื่องมาถึงปี 2556 ซึ่งถือเป็นปีที่เปิดคอนโดมิเนียมโครงการใหม่จำนวนมาก แต่ในช่วงปลายปี 2556 มีสถานการณ์ทางการเมือง ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน มาช่วยเบรกอัตราการเติบโต ทำให้ช่วยคุมจำนวนคอนโดฯเปิดใหม่ในตลาดได้ ดังนั้นจึงคาดการณ์ได้ว่าในปี 2557 ตลาดคอนโดมิเนียมจะชะลอตัวลงประมาณ 5-10% ในขณะที่แนวราบเติบโตประมาณ 5% เมื่อรวมทั้งตลาดคาดว่าตลาดจะติดลบประมาณ 5%
ปี 58 ปัจจัยบวกหนุนตลาดโต
ในปี 2558 ถือเป็นอีก 1 ปีที่น่าจับตามองของภาคอสังหาฯ เนื่องจากมีปัจจัยบวกหลายด้านไม่ว่าจะเป็น เรื่องระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมที่มีความชัดเจนมากขึ้น เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่จากเดิมจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 2560 แต่คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้เร็วขึ้นในปี 2559 รวมทั้งถนนตัดใหม่ที่จะแล้วเสร็จอีกจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดโครงการแนวราบเปิดตัวเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมจะเติบโตตามแนวรถไฟฟ้า
การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่จะทำให้เกิดการแข่งขันทางโครงสร้างพื้นฐานระหว่างภูมิภาคทั้งทางบก ทางราง และทางอากาศ รวมทั้งการลงทุนจากชาวต่างชาติจะเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีการแข่งขันของกลุ่มประเทศในแถบเออีซี เพราะเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่มดีขึ้น ดูได้จากการประกาศเลิกคิวอี ในขณะที่ยุโรปแย่ เนื่องจากประเทศเยอรมนี-อิตาลีไม่ดี ญี่ปุ่นเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ปี 2553 แต่ยังไม่ฟื้นเต็มตัว ประเทศในภูมิภาคอาเซียนจะดีขึ้น เหตุมีการใช้จ่ายภาครัฐจำนวนมาก ตลาดอาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย โรงงาน จะดีขึ้น, การเมือง ถ้านิ่งก็จะเป็นปัจจัยเสริม
พื้นที่ดาวรุ่ง กทม.ชั้นนอก
สืบเนื่องจากราคาที่ดินในกรุงเทพฯชั้นในเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ดังนั้น กทม.ชั้นในจึงเป็นที่อยู่ของผู้มีรายได้สูงไปโดยปริยาย ราคาขายคอนโดมิเนียมโดยเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 1 แสนบาทต่อตร.ม.ทำให้ผู้ที่มีรายได้ปานกลางต้องกระจายตัวสู่พื้นที่รอบนอกกทม. เนื่องจากราคาที่ดินยังไม่สูงมาก สามารถพัฒนาคอนโดมิเนียมที่มีระดับราคาหลักหมื่นบาทต่อตร.ม.ได้ ประกอบกับโครงการรถไฟฟ้าขยายสู่พื้นที่รอบนอก ช่วยในเรื่องของการเดินทางสู่กทม.ชั้นในมีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น ในส่วนของโครงการแนวราบก็จะขยายสู่พื้นที่รอบนอกมากขึ้นเช่นกัน เนื่องจากจะมีถนนตัดใหม่เปิดใช้บริการมากขึ้น และระดับราคาขายไม่สูงจนเกินไป ผู้มีรายได้ปานกลาง-น้อยสามารถเป็นเจ้าของได้ จากปัจจัยต่างๆที่กล่าวมาในข้างต้น จะส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่รอบนอกกทม.มีความคึกคักอย่างมาก
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ