ด้วยเม็ดเงินลงทุนร่วม 1 แสนล้านบาทที่เอกชนต้องควักลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) กับสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) จึงไม่เหนือความคาดหมายจะมีเพียงกลุ่มบีเอสอาร์กับ “บีอีเอ็ม-บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ” ในเครือ บมจ.ช.การช่างที่ชิงดำ
“แนวโน้มกลุ่มบีทีเอสจะเป็นผู้ชนะทั้ง 2 สายเพราะเป็นระบบจะมาเชื่อมกับบีทีเอสต่อขยายสายเหนือและใต้ อีกทั้งดูจากการเสนอรายละเอียดเพิ่มเติมแล้ว แสดงว่าทำการบ้านมาอย่างดีและเอาจริง กล้าได้กล้าเสีย เหมือนกับเมื่อครั้งลงทุน 100% รถไฟฟ้าบีทีเอส ขณะที่กลุ่ม ช.การช่าง ด้วยสไตล์แล้ว จะไม่ค่อยเข้าไปลงทุนหากโครงการนั้นมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะก่อสร้างหรือรับสัมปทานโครงการ ขณะที่การต่อเชื่อมเส้นทางจะไม่ได้ประโยชน์เท่ากับกลุ่มบีทีเอส” แหล่งข่าวจากวงการรับเหมาก่อสร้างกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ”
“คีรี” รีเทิร์นในรอบ 20 ปี
หากครั้งนี้ “บีทีเอส” ทำสำเร็จเท่ากับ “คีรี กาญจนพาสน์” รีเทิร์นลงทุนรถไฟฟ้าเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 20 ปี หลังเข็ดขยาดกับครั้งแรกแบกหนี้หลายหมื่นล้านบาทที่ใช้ทุ่มบุกเบิกรถไฟลอยฟ้าสายแรกของประเทศไทย
ในแผนปฎิบัติการเที่ยวล่าสุด “คีรี” ปรับสูตรการลงทุนใหม่ จะไม่รับความเสี่ยงเองทั้งหมด เพราะรู้เต็มอกรถไฟฟ้าทั้ง 2 สายกว่าจะคุ้มทุนต้องใช้เวลาเกิน 10 ปีไปแล้ว จึงดึงพันธมิตรร่วมลงขันเพื่อกระจายความเสี่ยง แยกเป็นบีทีเอส 75% บมจ.ซิโน-ไทยฯรับเหมาใต้ปีก “ตระกูลชาญวีรกูล” 15% ที่เหลือ 10% เป็นของ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้งที่แตกไลน์จากธุรกิจพลังงานมาชิมลางธุรกิจรถไฟฟ้า ซึ่งทั้ง 3 บริษัทจะใช้เงินลงทุนรถไฟฟ้า 2 สายประมาณ 1 แสนล้านบาท มาจากการลงขันกัน 2.8 หมื่นล้านบาทจัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ ส่วนที่เหลือ 7.2 หมื่นล้านบาทจะมาจากเงินกู้
ควงบีแลนด์ดึงสีชมพูเข้าเมืองทอง
สเต็ปต่อไป “คีรี” จะผนึกกำลังกับพี่ชาย “เสี่ยช้าง-อนันต์ กาญจนพาสน์”เจ้าของแลนด์ลอร์ดและศูนย์แสดงสินค้าเมืองทองธานี ร่วมด้วยช่วยกันดึงรถไฟฟ้าสายสีชมพูเข้าไปจอดป้ายในอิมแพ็คอารีน่า ขณะที่สายสีเหลืองจะขยายเส้นทางจากแยกรัชดา-ลาดพร้าวไปบรรจบกับสถานีรัชโยธินเชื่อมกับสายสีเขียวต่อขยาย
เป็นออปชั่นเสริมปิดผนึกเป็นซองที่3ที่”คีรี”ให้“รฟม.-การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย”รับไว้พิจารณานอกเหนือจากทีโออาร์
และมีทีท่าว่าจะได้รับการตอบรับ เพราะแนวคิดนี้อยู่ในใจ รฟม.อยู่แล้ว เมื่อเอกชนเสนอจึงพร้อมที่จะสนอง เพราะรัฐไม่ต้องควักเงินสักแดงเดียวแค่เปิดไฟเขียวเท่านั้น
หาก “บีทีเอส” คว้าสายสีชมพู-สีเหลืองไปครอง จะเป็นรถไฟฟ้าสายรองป้อนคนเข้ามาเติมบีทีเอสต่อขยายที่สถานีอนุสาวรีย์หลักสี่ของ “หมอชิต-คูคต” และสถานีสำโรงของช่วง “แบริ่ง-สมุทรปราการ” ซึ่งบีทีเอสรับจ้างเดินรถให้“กทม.-กรุงเทพมหานคร”
“เราลงทุนรถไฟฟ้ามา 20 ปี ดูจากทีโออาร์ไม่ง่าย ถ้าบริหารจัดการดีจะมีกำไรในอนาคต ซึ่งทั้ง 3 บริษัทมีศักยภาพแข็งแกร่งที่สุด ดึงราชบุรีโฮลดิ้งกับซิโน-ไทยฯเข้ามาร่วม เพื่อเป็นทัพเสริมให้เราแข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อให้มีต้นทุนที่ต่ำ ซึ่งเราคงจะให้รัฐช่วยอุดหนุนบ้าง ต้น ธ.ค.จะสรุปผลชนะ เพราะรัฐก็เร่งให้จบโดยเร็ว ทั้งนี้มีความกังวลการส่งมอบพื้นที่ เพราะเรากู้เงินมาลงทุน ดอกเบี้ยเดินทุกวัน ขอให้ รฟม.ส่งมอบพื้นที่ในเวลา” นายคีรีกล่าวและว่า
ยึดสีเหลืองเชื่อมสีเขียวรัชโยธิน
ได้ร่วมกับ บมจ.บางกอกแลนด์ (บีแลนด์) ขยายสายสีชมพูเข้าไปเมืองทองธานี เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนอยู่อาศัยและมาเที่ยวงานที่อิมแพ็ค ปัจจุบันเมืองทองธานีกลายเป็นเมืองอยู่อาศัยและศูนย์กลางการแสดงสินค้าและการประชุมของประเทศไทยไปแล้ว เป็นข้อเสนอที่จะลงทุนเพิ่มหากชนะประมูล ถ้าไม่ชนะก็ไม่ทำเพราะไม่คุ้ม
ส่วนสายสีเหลืองขยายอีก 2.6 กม. สร้างเพิ่ม 2 สถานีเชื่อมกับบีทีเอสที่รัชโยธินไม่ใช่ว่า รฟม.คิดไม่รอบคอบ แต่ให้ตอบโจทย์การเดินทางของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่ง รฟม.ก็ให้ความสนใจ เพราะช่วยแก้ไขจราจร
“ต้องเปิดซองที่ 1 และ 2 ให้รู้ผู้ชนะก่อน ถึงจะพิจารณาซองที่ 3 ซึ่งเงินที่จะลงทุนเพิ่มกว่า 6 พันล้านบาท ไม่รวมกับเงินลงทุน 2 สายทางจำนวน 80,000-100,000 ล้านบาท และต้องให้ รฟม.อนุมัติถึงจะดำเนินการได้ หากเราชนะขอให้รัฐพิจารณาซองที่ 3 โดยเร็ว เป็นข้อเสนอที่เราอยากให้โครงข่ายสมบูรณ์ที่สุด”
ผนึกแสนสิริตุนที่ 2 หมื่นล้าน
ขณะเดียวกัน “คีรี” ยังร่วมกับ “แสนสิริ” ตุนที่ดินมูลค่า 2 หมื่นล้านบาทไว้ในมือรอพัฒนาคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้า เป็นการต่อยอดธุรกิจในระยะยาว นอกเหนือจากค่าโดยสารและพื้นที่สถานีที่จะได้รับสัมปทาน 30 ปีจาก รฟม.
เป็นความพร้อมเต็มอัตราศึกที่ “บีทีเอส” จัดเต็มทั้งเงินตราและพันธมิตร เพื่อพิชิตรถไฟฟ้าที่รอคอยมานาน
“ปลิว” สู้ไม่ถอย
ด้านความเคลื่อนไหวของ “บีอีเอ็ม” ทาง “ปลิว ตรีวิศวเวทย์” บอสใหญ่ ถึงสไตล์จะพูดน้อย แต่ย้ำเสียงดังฟังชัด “ทางกลุ่มพร้อมทุกด้าน ทั้งการเงินจะใช้เงินทุน 30% และเงินกู้ 70%”
ส่วนก่อสร้างทาง ช.การช่างเคยสร้างรถไฟฟ้ามาทั้งใต้ดินและบนดิน ขณะที่ บีอีเอ็ม มีประสบการณ์เดินรถไฟฟ้าและบริหารพื้นที่สถานีของรถไฟฟ้าใต้ดินและรับจ้างเดินรถสายสีม่วง (เตาปูน-บางใหญ่) โดยบริษัทยื่นข้อเสนอ 2 ซองคือ ด้านเทคนิค กับราคาและผลตอบแทนที่จะให้รัฐ จะไม่มีข้อเสนอเพิ่มเติมเหมือนบีทีเอส และมั่นใจว่าจะมีโอกาสได้งานทั้ง 2 สายทาง
ออกตัวบลั๊ฟกันขนาดนี้ อีกไม่กี่วัน คงได้รู้กันใครจะกำชัยชนะ แต่ไม่ว่าใครจะถึงเส้นชัย จะกลายเป็นผู้ผูกขาด “ระบบโมโนเรล” ในประเทศไทยโดยอัตโนมัติ!
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ