นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตรวจเยี่ยมการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุของระบบการขนส่งสาธารณะทางรางในกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2559
โดยมี นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร รฟม. บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ ณ อาคารบริหารและศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าห้วยขวาง
การฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฯดังกล่าว สืบเนื่องมาจากบันทึกความร่วมมือเพื่อเผชิญเหตุตามแผนบริหารความเสี่ยงและแผนเผชิญเหตุของระบบขนส่งสาธารณะทางรางใน กทม. และปริมณฑล ซึ่งกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานในสังกัด รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำนวนทั้งสิ้น 13 หน่วยงาน ได้ลงนามร่วมกัน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2559
เพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาจากเหตุการณ์กรณีเกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิคของระบบขนส่งสาธารณะทางราง ตลอดจนประสานงานแก้ไขและบรรเทาเหตุการณ์อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยยึดแนวทางตามคู่มือแผนเผชิญเหตุฯ และกำหนดให้ผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้า MRT BTS และ Airport Rail Link หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฯ เป็นประจำทุก 4 เดือน
โดยบริษัท BEM ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้า MRT สายเฉลิมรัชมงคลและสายฉลองรัชธรรม ในความรับผิดชอบของ รฟม. ได้รับมอบให้เป็นเจ้าภาพจัดการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฯ ครั้งที่ 1 และมีคณะผู้เข้าร่วมฝึกซ้อมจาก ฝ่ายรักษาความปลอดภัยและกู้ภัย รฟม. ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม (ศปภ.คค.) สำนักงานรักษาความปลอดภัย (สปภ.) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC) รวมถึงผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์จากหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
การฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฯ ดังกล่าว คณะผู้ฝึกซ้อมได้เข้าร่วมฝึกซ้อมการจัดการเหตุการณ์ เสมือนจริง (Table Top Exercise) ณ ห้อง Auditorium ชั้น 1 อาคารบริหาร BEM จากเหตุการณ์สมมติ รถไฟฟ้าติดค้างในอุโมงค์ ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ ระหว่างสถานีห้วยขวางกับสถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ฝั่งขาล่อง (Southbound) เนื่องจากเบรคฉุกเฉินทำงานและไม่สามารถปลดได้ ประกอบกับมีผู้โดยสารติดอยู่ในขบวนรถเป็นจำนวนมาก ซึ่งคณะผู้ฝึกซ้อมได้ทบทวนลำดับขั้นในการรายงานเหตุ ติดตามประเมินสถานการณ์ และปฏิบัติการแก้ไขเหตุการณ์เสมือนจริง กล่าวคือ เมื่อศูนย์ควบคุมปฏิบัติการเดินรถ (Central Control Room : CCR) รับทราบเหตุและประเมินสถานการณ์แล้ว ได้มีคำสั่งอพยพผู้โดยสารออกจากรถไฟฟ้าขบวนที่เสียเปลี่ยนถ่ายไปยังรถไฟฟ้าขบวนช่วยเหลือที่มาทำการต่อพ่วง (Coupling) จากนั้นรถไฟฟ้าขบวนช่วยเหลือจึงดันขบวนที่เสียไปยังสถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ แล้วจึงทำการอพยพ (Detrain) ผู้โดยสารเข้าสู่สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ แล้วดันรถไฟฟ้าขบวนที่เสียกลับศูนย์ซ่อมบำรุงฯ ห้วยขวาง ตามลำดับ จากนั้น คณะผู้ฝึกซ้อมจึงเดินทางไปยังศูนย์ซ่อมบำรุงฯ ห้วยขวาง เพื่อฝึกปฏิบัติสถานการณ์จำลอง วิธีการต่อพ่วงรถไฟฟ้า และการอพยพผู้โดยสารระหว่างขบวนรถผ่านทางประตูหน้าของรถไฟฟ้าทั้งสองขบวนที่ต่อพ่วงกัน
เหตุการณ์สมมติรถไฟฟ้าติดค้างในอุโมงค์ เนื่องจากระบบเบรคขัดข้อง ซึ่งส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการให้บริการมากกว่า 15 นาที และต้องมีการอพยพผู้โดยสารนี้ จัดเป็นเหตุการณ์เสี่ยงในระดับ 2 (เหตุการณ์ขั้นรุนแรง) จากระดับ 0 – 3 ตามที่ระบุไว้ในคู่มือแผนเผชิญเหตุฯ ซึ่งนอกเหนือจากวิธีดำเนินการแก้ไขตามคู่มือปฏิบัติของหน่วยงานผู้ให้บริการแล้ว จะต้องมีการรายงานสถานการณ์ทั้งในสภาวะที่เกิดเหตุจนกระทั่งกลับสู่สภาวะปกติไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนทราบต่อไป และรายงานต่อ ศปภ.คค. เพื่อพิจารณานำรายงานผู้บริหารและประสานงานหน่วยงานสนับสนุน ได้แก่ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) (สนับสนุนการเคลื่อนย้ายผู้โดยสาร) และกองบัญชาการตำรวจจราจร (อำนวยความสะดวกจราจร)
ทั้งนี้ สำหรับเหตุการณ์เสี่ยงในระดับอื่น ๆ ได้มีการกำหนดคำจำกัดความ รวมถึงโครงสร้างการประสานงานที่แตกต่างกันไป เพื่อให้หน่วยงานสามารถจัดการแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับระดับเหตุการณ์นั้นๆ ซึ่งระดับเหตุการณ์ สภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จัดแบ่งเป็นระดับ ดังนี้
ระดับ 0 สภาพเหตุการณ์ไม่ส่งผลกระทบต่อการเดินรถ หรือเกิดความล่าช้าไม่เกิน 5 นาที เช่น ผู้โดยสารเป็นลมภายในรถไฟฟ้า ประตูรถไฟฟ้าขัดข้องที่ใช้เวลาแก้ไขไม่เกิน 5 นาที
ระดับ 1 (เหตุการณ์ขั้นต้น) เกิดความล่าช้า 5 – 15 นาที หรือมีการขนถ่ายผู้โดยสารออกจากขบวนรถ เช่น ประตูรถไฟฟ้าขัดข้อง ใช้เวลาแก้ไขเกิน 5 นาที ประตูกั้นชานชาลาขัดข้อง
ระดับ 2 (เหตุการณ์ขั้นรุนแรง) เกิดความล่าช้าเกิน 15 นาที และ/หรือมีการใช้แผนการเดินรถไม่เต็มรูปแบบ มีการอพยพ ปิดทางวิ่งบางส่วน ปิดสถานีบางสถานี และมีผู้โดยสารตกค้างจำนวนมาก เช่น ประแจสับราง ขัดข้อง ระบบอาณัติสัญญาณบกพร่อง
ระดับ 3 (เหตุการณ์ขั้นวิกฤต) หยุดให้บริการ เช่น ไฟฟ้าดับ 2 แหล่งจ่าย เป็นเวลานาน
การฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฯ ครั้งที่ 1 ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เนื่องจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
สำหรับการจัดการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฯ ครั้งต่อไป ผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้า BTSC และ รฟฟท. จะรับช่วงต่อจาก BEM ในการเป็นเจ้าภาพ
ทั้งนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ได้มีข้อแนะนำ ให้รายงานสถานการณ์ทั้งในสภาวะที่เกิดเหตุจนกระทั่งกลับสู่สภาวะปกติไปยัง ศปภ.คค. เพื่อรายงานให้ผู้บริหารรับทราบและเตรียมความพร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไข สำหรับกรณีผู้โดยสารไม่รอรถขบวนถัดไป ให้จัดรถของ ขสมก. นำผู้โดยสารไปส่งยังระบบสาธารณะที่ใกล้เคียงเพื่อเดินทางต่อไป
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ