ลอย จุน ฮาว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า อุตสาหกรรมก่อสร้างของไทยช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขยายตัวเฉลี่ยปีละ 5.71% ในปี 2558 เติบโต 12.19% ขณะที่ไตรมาสแรกปี 2559 การลงทุนภาคการก่อสร้างมีมูลค่า 3.15 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปีก่อน 8.32%
ขณะที่มูลค่าการลงทุนก่อสร้างของภาครัฐเพิ่มขึ้น 11.62% มาจากการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ มูลค่าลงทุนก่อสร้างของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 5.24% นับว่าเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปี 2558 อุตสาหกรรมก่อสร้างไทยมีงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ในต่างประเทศ มีมูลค่ารวม 2.74 แสนล้านบาท ยังไม่รวมโครงการร่วมทุนและงานก่อสร้างขนาดกลางและขนาดเล็ก
พลพัฒ กรรณสูต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อุตสาหกรรมก่อสร้างของไทยจะเติบโตได้นั้น ภาครัฐจะต้องมีการจัดซื้อจัดจ้าง เชื่อว่าหลังจากนี้ภาครัฐจะมีการจัดซื้อจัดจ้าง หรือ ออกมาขายแบบมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ ทำให้ภาคเอกชนสนใจลงทุน ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สีเหลือง และสีชมพู รวมถึงโครงการสนามบิน แลงะอุโมงค์ยักษ์รองรับน้ำ เป็นต้น
บริษัทมีความสนใจเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มูลค่าโครงการประมาณ 1.8-2 หมื่นล้านบาท รวมถึงโครงการภาคเอกชน หรือโรงงานไฟฟ้าของบีกริม เพาเวอร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอราคา คาดได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้
สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะเมียนมา ที่ผ่านมาได้ร่วมทุนกับนักลงทุนท้องถิ่น สร้างโรงงานคอนกรีตผลิตเสาไฟฟ้า ตั้งอยู่ที่ ย่างกุ้ง รองรับกับการขยายตัวของภาคการก่อสร้างต่างๆ ยังมีโครงการก่อสร้างโรงแรมที่ทวาย เป็นเมืองทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ
“แนวโน้มอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะเริ่มความชัดเจนของภาครัฐออกมาขายแบบ ภาคเอกชนเตรียมลงทุนสูงขึ้น”
เกียรติศักดิ์ รุ่นพระแสง ผู้จัดการศูนย์ประสานงานการออกแบบอาคาร เพื่อการอนุรักษ์พลังงานกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ที่ผ่านมาการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่มีการใช้พลังงานสูง ดังนั้นการออกแบบก่อสร้างอาคารจะต้องคำนึงถึงการประหยัดพลังงาน เนื่องจากปัจจุบันการยื่นแบบก่อสร้างอาคารในเรื่องประหยัดพลังงานเป็นส่วนหนึ่งของการยื่นรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานมีผู้เชี่ยวชาญในด้านอนุรักษณ์พลังงาน และพลังงานทดแทน โดยมีกองทุน RF ที่ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตด้านการประหยัดพลังงาน เพื่อขอกู้ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ หรือ 3%
รัฐภูมิ ปริชาตปรีชา รองประธานคณะกรรมการวิชาการ สาขาคอนกรีต วัสดุ และการก่อสร้างสมาคมคอนกรีตแห่งประเทศไทย (TCA) กล่าวว่า เทรนด์ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ขณะที่กรุงเทพฯ ถือว่าเป็นเมืองที่มีการเติบโตของจำนวนประชากรในอัตราที่สูงอันดับต้นๆ หรืออันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชีย ทำให้ภาคการก่อสร้างขยายตัวสูงและต่อเนื่อง
ขณะที่เทรนด์ของวัสดุการก่อสร้าง เน้นความคงทนเพื่อรองรับการใช้งานระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มคอนกรีตที่ต้องมีนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีในการซ่อมแซมตัวเอง หรือเป็น “กรีนคอนกรีต” ที่ลดปริมาณการใช้ซีเมนต์ เพื่อลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายดูแลรักษาในส่วนนี้
จักรพร อุ่นจิตต์ ผู้อำนวยการสถาบันการก่อสร้างแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออิซี) เป็นโอกาสที่ดีต่อภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างของไทยที่จะขยายไปตลาดต่างประเทศมากขึ้น ประกอบกับไทยมีเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ค่อนข้างสูง ติด 1 ใน 3 ของอาเซียน (สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย) ดังนั้นผู้ประกอบการไทยควรจะออกออกไปลงทุนในประเทศที่มีเทคโนโลยีต่ำกว่า
อย่างไรก็ดี ปัญหาแรงงานขาดแคลนในขณะนี้ ทำให้ช่วงที่ผ่านมาต้องนำเข้าแรงงานต่างชาติ ชณะเดียวกัน ได้หันมาใช้เครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีทันสมัยเป็นการชดเชยมากขึ้น
“การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้สามารถลดระยะเวลาการทำงาน แต่ต้องมีการกำหนดเรื่องของมาตรฐานที่ชัดเจน ทำให้ภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างของไทยเติบโตในทิศทางที่ดีและต่อเนื่อง”
พร้อมกันนี้ จะมีการจัดงาน “Asian Construction Week 2016” วันที่ 21-23 ก.ย. นี้ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ประกอบด้วย 3 งานหลัก คือ “BMAM Expo Asia 2016” หรือ งานแสดงสินค้าและการประชุมสัมมนาระดับนานาชาติ ด้านการบริหารจัดการ และบำรุงรักษาอาคาร ครั้งที่ 9 งาน “GBR Expo Asia 2016” หรืองานแสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติด้านการซ่อมแซม และก่อสร้างอาคารเขียว ครั้งที่ 6 และ “Concrete Asia 2016” หรืองานแสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติเกี่ยวกับคอนกรีต การขุดเจาะ และอุตสาหกรรมการก่อสร้างอาคาร ตั้งเป้าหมายผู้ร่วมงานกว่า 1 หมื่นคน มีเม็ดเงินหมุนเวียกว่า 1,000 ล้านบาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ