กูรูแนะยุคทอง ผู้ซื้ออสังหาฯ ทั้งอยู่เอง-ลงทุน ระบุผู้ประกอบการอัดทุกโปรโมชันหวังกระตุ้นกำลังซื้อ หมดยุคนักเก็งกำไรขายใบจอง ลุ้นปี 59 ตลาดทรงตัวจากปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่น หรือเติบโต 5%จากแรงหนุนเศรษฐกิจจากการลงทุนภาครัฐ ดอกเบี้ยต่ำ
วานนี้ (30 พ.ค.59) หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจร่วมกับสถานีโทรทัศน์ดิจิตอล NOW 26 จัดงานสัมมนาเรื่อง “เทรนด์..ลงทุนอสังหาฯ ’59” โดยนายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า การลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันต้องพัฒนาโครงการตามความต้องการของลูกค้า ไม่ใช่พัฒนาตามที่ดินที่มีอยู่ เนื่องจากในปัจจุบันแม้จะมีความต้องการซื้อ แต่ผู้บริโภคยังขาดความ เชื่อมั่น ดังนั้น การลงทุนจะต้องให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าจริงๆ
“ในแง่ของผู้บริโภคการซื้ออสังหาเพื่อการลงทุนระยะยาวยังถือเป็นจังหวะที่ดีเนื่องผู้ประกอบการให้โปรโมชันจำนวนมาก แต่จะต้องเลือกซื้อในทำเลที่มีแนวโน้มเจริญขึ้นในอนาคตหรือในทำเลรอง เนื่องจากราคายังสามารถเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต แต่หากซื้ออสังหาฯในทำเลที่ราคาขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้วโอกาสที่ราคาจะปรับเพิ่มขึ้นในอนาคตก็จะน้อยลง” นายอธิปกล่าว
นอกจากนี้การขยายตัวของรถไฟฟ้าหรือระบบสาธารณูปโภคออกไปยังพื้นที่รอบนอกเมืองมากขึ้น ตลาดทาวน์เฮาส์จะเข้ามาทดแทนคอนโดฯ เพราะหากพิจารณาราคาต่อ ตร.ม.แล้วจะพบว่า ทาวน์เฮาส์ถูกกว่าคอนโดฯ
ขณะที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดโครง การเมกะโปรเจกต์ และมีนโยบายในการเปิด เขตเศรษฐกิจพิเศษในหัวเมืองการค้าชาย แดน ซึ่งจะช่วยให้เกิดการลงทุนและความต้องการอสังหาริมทรัพย์ทั้งพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม และที่อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น ในส่วนของการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี จะเป็นโอกาสให้ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในไทยสูงขึ้น โดยเฉพาะ ออฟฟิศ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ นิคมอุตสาหกรรม โรงแรม คอนโดมิเนียม แม้ว่าจะเป็นช่วงเริ่มต้นก็ตามแต่เชื่อว่าในอนาคตจะต้องเติบโตอย่างแน่นอน
สำหรับปัจจัยลบในปีนี้ ได้แก่ เศรษฐกิจของประเทศในปีนี้ การขาด แคลนแรงงานเป็นปัญหาต่อการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและผังเมือง รวมถึงอีไอเอ ยังคงเป็นอุปสรรค ต่อการพัฒนาโครงการ ต้นทุนการพัฒนาโครงการสูงขึ้นต่อเนื่องมาจากราคาที่ดินโดยเฉพาะอาคารชุดสูงขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ยังคงมีอัตราการเติบโตแบบกึ่งทรงตัว จากความไม่เชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ประกอบการของสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมือง ราคาจะสูงขึ้นตามต้นทุนที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้น ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยที่ยังต่ำและการแข่งขันปล่อยสินเชื่อของธนาคารเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนกำลังซื้อ ขณะที่กำลังซื้อภายในประเทศเป็นตัวขับเคลื่อนหลักยังคงดีอยู่ กลุ่มที่เติบโตได้ดีคือ คอนโดมิเนียม และทาวน์เฮาส์
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุด กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่เหมาะสำหรับการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่อง ยาวนาน ทำให้นักลงทุนหันมาซื้ออสังหาฯเพื่อการลงทุนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมระดับบน ที่นักลงทุนหวังผลตอบแทนที่ดีในอนาคต แม้ว่าในแต่ละปีคอนโดฯไฮเอนด์จะเปิดตัวไม่มากประมาณ 9,000 ยูนิต แต่มีมูลค่า 1 ใน 3 ของตลาดอสังหาฯ รวม 3.5แสนล้านบาท ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลาง ล่าง เป็นตลาดที่มีความต้องการซื้อมาก และเป็นความต้องการซื้อจริง อยู่อาศัยจริง แต่มีปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงซึ่งผู้ประกอบการไม่ควรมองข้ามตลาดนี้
“เทรนด์ลงทุนอสังหาฯ ปี 59 ปัจจัยสำคัญ คือดอกเบี้ย ช่วงนี้ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ และต่ำเป็นเวลานานด้วย เป็นช่วงเหมาะลงทุนมากที่สุด แต่ถ้าแนวโน้มดอกเบี้ยขึ้นเมื่อไรต้องระวัง แต่ช่วงดอกเบี้ยต่ำ อสังหาฯเหมาะลงทุนมากที่สุด” นายประเสริฐกล่าว
ทั้งนี้ ตลาดอสังหาฯในปีนี้จะถูกขับเคลื่อนจากกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ 10 รายที่มีมาร์เกตแชร์ 50-55% สำหรับใน ช่วงครึ่งหลังปี 2559 คาดว่าจะมีคอนโดมิเนียม เปิดขายใหม่ทั้งหมดประมาณ 67 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.2 แสนล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 92 โครงการ มูลค่ารวม 5.2 หมื่นล้านบาท บ้านเดี่ยว 74โครงการ มูลค่ารวม 7.6 หมื่นล้านบาท ทำให้คาดการณ์ได้ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2559 จะเติบโตอยู่ที่ประมาณ 5%
จากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯของภาครัฐที่เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2558-28 เมษายน2559 ถือว่าเป็นยาแรงส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 3 แสนล้านบาท จากปกติคาดว่ามูลค่ารวมตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 2.5 แสนล้านบาท
ขณะที่ราคาที่ดินในปัจจุบันมีราคาสูงเกินกว่าที่จะนำมาพัฒนาโครงการ หรือหากพัฒนาได้ก็ต้องมีราคาขาย 3 แสนบาทต่อตร.ม. เพราะราคาขายที่ดินย่านซีบีดีในปัจจุบันอยู่ที่ 2 ล้านบาทต่อ ตร.ว. ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาสินค้าในกลุ่มนี้ถูกดูดซับไปเป็นจำนวนมาก อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการส่วนใหญ่มุ่งเน้นที่จะขายสต๊อกเก่า ดังนั้น ในช่วงเวลาที่เหลือของปีผู้ประกอบการจึงต้องเร่งสร้างยอดขายใหม่ในตลาดกลาง-ล่าง
นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท คอลลิ เออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) กล่าวว่า หากภาครัฐมีการลงทุนโครงการเมกะที่ชัดเจน ก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและนักลงทุน ทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อไปได้ ปัจจุบันอสังหาริมทรัพย์ ในแง่ผู้บริโภคเหมาะที่จะซื้อเพื่อการลงทุนและอยู่อาศัยเอง เนื่องจากราคายังไม่สูงมาก ผู้ประกอบการยังให้โปรโมชันที่คุ้มค่าและผู้ซื้อมีอำนาจในการต่อรองสูง ดังนั้นจึงถือได้ว่าปีนี้เป็นปีทองของผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์
“สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ต้องเป็น การลงทุนในระยะยาว ไม่ใช่เป็นการขายใบจอง ปัจจุบันไม่มีบรรยากาศขายใบจอง โดยทำเลที่น่าลงทุน คือ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย แต่อย่างไรก็ตาม ต้องสำรวจศักยภาพทำเลนั้นๆ อย่าเชื่อเพียงโฆษณา ชวนเชื่อ ควรสำรวจทำเลหรือที่อยู่อาศัยด้วยตัวเอง”นายสุรเชษฐ กล่าว
อสังหาริมทรัพย์ ในแง่ผู้บริโภคเหมาะที่จะซื้อเพื่อการลงทุนและอยู่อาศัยเอง เนื่องจากราคายังไม่สูงมาก ผู้ประกอบการยังให้โปรโมชันที่คุ้มค่าและผู้ซื้อมีอำนาจในการต่อรองสูง ดังนั้น จึงถือได้ว่าปีนี้เป็นปีทองของผู้ที่ต้องการซื้ออสังหา ริมทรัพย์ แต่หมดยุคของนักเก็งกำไรที่ต้องการขายใบจอง
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า การลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ควรระมัดระวังเรื่องอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากมีแนวโน้มปรับขึ้นในอนาคตไม่เกิน 2 ปี นอกจากนี้ภาพของตลาดอสังหาฯ ที่ผ่านมาหลังหมดมาตรการกระตุ้นของภาครัฐพบว่าจะชะลอตัวไม่น้อยกว่า 2 เดือน ดังนั้นผู้ประกอบการควรเตรียมแผนรับมือ
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา