คมนาคม ชง ครม.อนุมัติก่อสร้าง “รถไฟฟ้าสีชมพู-เหลือง” วันนี้ (29 มี.ค.) สัปดาห์หน้า ชงเห็นชอบสายสีส้มตะวันออก คาดสิ้นปีนี้ ดันสีม่วงใต้-น้ำเงิน-ส้มตะวันตก เข้า ครม. ได้แน่ พร้อมเซ็นเอ็มโอยูยกเดินรถไฟฟ้าสีเขียวเหนือใต้ “หมอชิต-คูคต แบริ่ง-สมุทรปราการ” ให้ กทม.บริหารจัดการ ขณะที่ “สุขุมพันธุ์” เตรียมให้ประชาชนใช้บริการฟรี 1 สถานี
นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยถึงแผนการลงทุนโครงข่ายรถไฟฟ้าภายในปี 5 ว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (29 มี.ค.) กระทรวงคมนาคมจะเสนอให้พิจารณาเห็นชอบอนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทางรวม 29.1 กิโลเมตร (กม.) วงเงินงบประมาณ 56,691 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 29.1 กม. วงเงิน 54,644 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการ จะดำเนินการในรูปแบบคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี ฟาสต์แทร็ก)
นอกจากนี้ ในการประชุม ครม. วันที่ 5 เม.ย.นี้ รฟม.จะเสนอผ่านกระทรวงคมนาคมเพื่อให้ ครม. อนุมัติเห็นชอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี 21 กม. วงเงินงบประมาณก่อสร้างที่ปรับใหม่เหลือ 92,000 ล้านบาท จากเดิม 94,000 ล้านบาท สาเหตุที่ปรับลดลงเพราะได้ปรับแบบเพื่อให้ใช้วัสดุที่ผลิตในประเทศมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม คาดว่า ก่อนสิ้นปี 59 รฟม.จะเสนอผ่านกระทรวงคมนาคม เพื่อเสนอขออนุมัติจาก ครม. ในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ระยะเร่งด่วน (เมกะโปรเจกต์) อีก 3 โครงการ คือ 1.รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีม่วง (ม่วงใต้) ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ระยะทาง 23.6 กม. วงเงิน 103,000 ล้านบาท โดย รฟม.ได้ปรับแนวเส้นทางใหม่เพิ่มไปอีก 5 กม.ไปสิ้นสุดที่ถนนวงแหวนอุตสาหกรรม จากเดิมสิ้นสุดที่บางผึ้ง คาดว่าจะผ่านขั้นตอนการวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เพื่อเสนอไปยัง ครม.เห็นชอบต่อไป
2.รถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันตก ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม วงเงินราว 85,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับแบบใหม่ และ 3.รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน ช่วงบางแค-พุทธมณฑล 4 วงเงินงบประมาณ 17,000 ล้านบาท ปัจจุบันผ่านการเห็นชอบจากบอร์ด รฟม.แล้ว โดยหลังจากนี้จะเร่งส่งรายละเอียดโครงการให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาเห็นชอบจาก ครม. ซึ่งทั้ง 3 โครงการถือเป็นโครงการเร่งรัดภายใต้ การดูแลของ รฟม. หากผ่านการเห็นชอบจาก ครม. จะเปิดประกวดราคาจัดหาผู้รับเหมาได้ทันที
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวภายหลังเป็นประธานร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ความร่วมมือว่าด้วยแนวทางการดำเนินงาน เซ็นมอบหมายให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นผู้บริหารจัดการเดินรถในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการว่า การลงนามเอ็มโอยูนี้ เพื่อให้ กทม.บริหารจัดการเดินรถ รวมทั้งติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณในโครงการรถไฟฟ้าสีเขียวทั้งเส้นทางแทน รฟม. โดยกระทรวงจะรับผิดชอบเฉพาะงานก่อสร้างด้านโยธาเท่านั้น ซึ่งการให้ กทม.ทำหน้าที่เดินรถนั้นเพื่อเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายในการบริการ
ส่วน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการ กทม. กล่าวว่า กทม. จะบริหารจัดการเดินรถ และระบบอาณัติสัญญาณทั้งหมด โดยได้ว่าจ้างผู้บริหารรถไฟฟ้าบีทีเอส หรือบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) รับผิดชอบ ซึ่งจะทำให้การเดินรถต่อเนื่อง โดยล่าสุดรถไฟฟ้าสีเขียวใต้ ได้ก่อสร้างงานด้านโยธาแล้วเสร็จกว่า 70% แล้ว คาดว่าภายในเดือน ส.ค.นี้ งานก่อสร้างจะสมบูรณ์ มั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้ กทม. จะเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการฟรีก่อน 1 สถานี จนกว่าจะมีการก่อสร้างแล้วเสร็จครบทั้งเส้นทาง
“ส่วนอัตราค่าโดยสาร ยืนยันว่าไม่สร้างภาระให้กับประชาชนแน่นอน เพราะเป็นผู้บริหารรายเดิม กำหนดค่าโดยสารที่เป็นธรรม และคิดค่าแรกเข้าระบบตลอดทั้งเส้นทางเพียงครั้งเดียว แต่อาจพิจารณาข้อเสนอการใช้งบประมาณท้องถิ่นจากสภากรุงเทพมหานคร เพื่อช่วยอุดหนุนค่าโดยสาร ขึ้นอยู่กับปริมาณผู้โดยสารจากที่ประเมินไว้ไม่ต่ำกว่า 100,000 เที่ยวคนต่อวัน แต่อาจมีผู้ใช้บริการมากกว่าที่ประเมินไว้ ซึ่งจะมีผลต่อการกำหนดค่าโดยสารด้วย”
ขณะที่ พล.อ.ยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมการบอร์ด รฟม. กล่าวว่า หลังจากการก่อสร้างส่วนต่อขยายสายสีเขียวทั้ง 2 ช่วงแล้วเสร็จแล้ว จะทยอยส่งมอบให้ กทม. โดย กทม.ต้องชดใช้คืนค่าก่อสร้างในส่วนของสายสีเขียวใต้ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ วงเงิน 21,000 ล้านบาท ส่วนสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต วงเงิน 39,000 ล้านบาท รวมทั้ง 2 ช่วงประมาณ 60,000 ล้านบาท
นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนะกุล ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า ตามแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายแบริ่ง-สมุทรปราการ กำหนดแล้วเสร็จและเปิดให้บริการปลายปี 62 ส่วนสายสีเขียวเหนือช่วงหมอชิต-คูคต กำหนดแล้วเสร็จและเปิดให้บริการปี 63 ซึ่ง รฟม.จะรับผิดชอบการก่อสร้างทั้งหมด และส่งมอบให้กับ กทม. ที่จะต้องดูแลเรื่องการลงทุนในส่วนของการเดินรถ และระบบอาณัติสัญญาณต่างๆ