อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ รุกขยายธุรกิจกลุ่ม “อาเซียนวิงส์” จัดเทรดแฟร์กัมพูชา ครึ่งปีแรกชะลอแผนธุรกิจเมียนมา รอดูนโยบายรัฐบาลใหม่ มั่นใจปี59 อีเวนท์ไทยฟื้น คาดโต 5% เชื่อภาคธุรกิจจัดกิจกรรมการตลาดคึกคัก
นายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการสื่อสารการตลาด เปิดเผยว่าหลังจากปรับโครงสร้างธุรกิจช่วงกลางปีนี้ แบ่งเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ 1.ครีเอทีฟ โซลูชั่น 2.มาร์เก็ตติ้ง เซอร์วิส 3.ธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Wings)และ 4.ไลฟ์สไตล์ เอ็กซ์พีเรียน เพื่อโอกาสการขยายธุรกิจและกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจอีเวนท์ที่มักได้รับ ผลกระทบจากสถานการณ์ต่างๆ
สำหรับแผนธุรกิจปี 2559 จะขยายธุรกิจอาเซียนวิงส์มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม) ที่ผ่านมาได้ขยายธุรกิจอีเวนท์ การจัดแสดงโชว์และเทรดแฟร์ในเมียนมา และธุรกิจอีเวนท์ในเวียดนาม ปีหน้าจะเข้าไปขยายธุรกิจเทรดแฟร์ในกัมพูชา ด้วยการจัดงาน build&decor ราวเดือน ก.ค.เป็นการจัดแสดงสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง การออกแบบ ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวสูง
ขณะที่ธุรกิจในเมียนมาอยู่ระหว่างรอความชัดเจนนโยบายการบริหารประเทศของรัฐบาลใหม่ในช่วงครึ่งปีแรก 2559 จากนั้นจะร่วมกับพันธมิตร “ฟอร์เอฟเวอร์ กรุ๊ป” เพื่อกำหนดแผนการขยายธุรกิจในเมียนมาอีกครั้ง รวมทั้งโอกาสการลงทุนในมาเลเซีย และอินโดนีเซีย
“จะให้ความสำคัญธุรกิจอาเซียนวิงส์ มากขึ้น เนื่องจากมีแนวโน้มขยายตัวสูงและโอกาสสร้างรายได้ให้บริษัทเพิ่มขึ้น”
ทางด้านภาพรวมธุรกิจอีเวนท์ในไทย ปีนี้อยู่ในภาวะ”ทรงตัว” คาดมีมูลค่า 1.23 หมื่นล้านบาท แต่เชื่อว่าปี 2559 อีเวนท์มีแนวโน้ม ดีขึ้น คาดเติบโตราว 5% ใกล้เคียงตัวเลข จีดีพี หลังจากธุรกิจอีเวนท์เริ่มเห็นทิศทาง ฟื้นตัวตั้งแต่ครึ่งปีหลังปีนี้ จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ รวมทั้งโครงการลงทุน ต่อเนื่องขนาดใหญ่ อย่างรถไฟฟ้าใต้ดิน รวมถึงโครงการขนาดใหญ่ที่ภาครัฐเร่งประมูลให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญกระตุ้นเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ผู้บริโภคมีกำลังการซื้อมากขึ้น แนวโน้มดังกล่าวทำให้นักการตลาด ที่ชะลอการใช้งบประมาณสื่อสารการตลาดในปีนี้ เริ่มวางแผนใช้งบประมาณในปี 2559 ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือสำคัญ คือ งานด้าน อีเวนท์ ที่ทยอยออกมารูปแบบหลากหลาย โดยอีเวนท์ปีหน้าจะมี 2 รูปแบบหลัก คือ 1.อีเวนท์ขนาดใหญ่ (Big Event) และ 2.ขนาดเล็ก (Small Event) ส่วน อีเวนท์ขนาดกลางจะมีสัดส่วนลดลง ด้วยลักษณะของงานที่แบ่งกลุ่มเป้าหมายชัดเจน มากขึ้น
นอกจากนี้ปัจจัยสำคัญที่เข้ามามีอิทธิพลต่อธุรกิจอีเวนท์ คือการเปลี่ยนแปลงไลฟสไตล์ของผู้บริโภคคนไทยที่ใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านมากขึ้น จึงเป็นช่องทางและโอกาสที่ดีของธุรกิจอีเวนท์ที่จะขยายและพัฒนารูปแบบของงานเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปและสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในยุคนี้
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ