ธุรกิจรับเหมาจีน-กองทุนบุกอสังหาฯ ชี้ไทยได้เปรียบที่ดินถูก รัฐบาลจีนอนุญาตให้ขนเงินซื้อคนละ 5 หมื่นเหรียญ “แสนสิริ-ศุภาลัย” ขนคอนโดฯ 3-6 ล้านดักรายย่อย ปริญสิริเจรจาร่วมทุน 1.7 พันล้าน
นายหลิน กว่าง จุง อลัน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮาริสัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้งานที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ ในฐานะเป็นผู้จับคู่ธุรกิจระหว่างบริษัทต่างชาติกับบริษัทไทยมีมากขึ้น อย่างเห็นได้ชัด จากปีก่อนฮาริสันรับติดต่อเจรจา 4-5 ราย ปีนี้เพียง 1 เดือนแรกติดต่อเข้ามาแล้ว 7-8 ราย มูลค่าโครงการกว่า 1 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะประสบความสำเร็จมีการลงทุนจริง 5,000 ล้านบาท
โดยประเทศไทย มีปัจจัยบวกด้านกฎระเบียบการลงทุนและที่ดินราคาถูกกว่ากลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม)
รับเหมา-กองทุนจีนบุกไทย
นายหลินกล่าวว่า นักธุรกิจจีนที่สนใจเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์ 4 กลุ่มใหญ่ มี 1.ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ มีงานก่อสร้างปีละ 30 ล้าน ตร.ม. เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดเกิน 50% ความตั้งใจแรกจะเข้ามารับเหมาโครงการ แต่การแข่งขันกับรับเหมาไทยที่เป็นเจ้าตลาดเดิมทำได้ยาก จึงใช้วิธีร่วมลงทุนในโครงการเพื่อจะได้รับงานก่อสร้างด้วย 2.ดีเวลอปเปอร์รายกลาง- รายย่อย มีเงินลงทุน 1,000-1,500 ล้านบาท/โครงการ
3.กองทุนร่วมลงทุน มองว่าอสังหาฯไทยให้ผลตอบแทนระยะยาว 4.บริษัทเทคโนโลยีวัสดุและก่อสร้าง ตอนแรกต้องการขายเทคโนโลยี และมีเงินทุนสามารถร่วมทุนได้
สำหรับคุณสมบัติผู้ร่วมทุนไทยที่จีน มองหา มีองค์ประกอบ คือ 1.ดีเวลอปเปอร์ไทย ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นหลัก 2.โครงการตั้งในทำเลที่คุ้นเคย อาทิ กรุงเทพฯ ย่านรัชดาภิเษก สุขุมวิท พระราม 3 (ริมแม่น้ำ), ต่างจังหวัด อาทิ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ 3.ขนาดลงทุนโครงการละ 1,000-1,500 ล้านบาท 4.กำไรสุทธิขั้นต่ำประเภทโอน 15% รีเทล 8% และโรงแรม 7% ขึ้นไป
รายย่อยช็อปห้องชุด 2-3 ล้าน
นายหลินกล่าวต่อว่า ด้านการขายโครงการให้ผู้ซื้อรายย่อย นักลงทุนจีนสนใจซื้อห้องชุด 2-3 ล้านบาท/ยูนิต เนื่องจากรัฐบาลจีนอนุญาตให้ประชาชนทั่วไปโอนเงินออกนอกประเทศได้ไม่เกิน 5 หมื่นเหรียญสหรัฐ/คน/ปี ดังนั้น หากห้องชุดราคาสูงกว่านี้จะต้องซื้อร่วมกับคนในครอบครัว หรือขออนุญาตรัฐบาลจีนเป็นกรณีพิเศษ มีขั้นตอนยุ่งยากกว่า
“รายย่อยเริ่มสนใจซื้ออสังหาฯไทย เพราะราคาปรับตัวสูงขึ้นสม่ำเสมอ แตกต่าง จากตลาดอื่นที่ราคาอสังหาฯตกลงช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เช่น ฮ่องกงลดลง 5% สิงคโปร์ลด 7-8% ต่อปี”
แสนสิริ-ศุภาลัยขายรายย่อย
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเพิ่มลูกค้าต่างชาติ จากเดิมมีกลุ่มลูกค้าสิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น สร้างยอดขาย 3,500 ล้านบาทในปีก่อน ปีนี้เน้นลูกค้าชาวจีนเพิ่มขึ้น จากหัวเมืองสำคัญ คือ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เสิ่นเจิ้น กว่างโจว ตั้งเป้ายอดขายลูกค้าต่างประเทศเพิ่มเป็น 5,000 ล้านบาท
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ศุภาลัยเตรียมดึงลูกค้าชาวจีนเข้ามาซื้อห้องชุดผ่านเอเย่นต์พันธมิตร 2-3 ราย เนื่องจากเห็นว่ากำลังซื้อชาวไทยลดลงในระยะนี้ตามสภาพเศรษฐกิจ ดังนั้นตลาดจีนน่าจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อได้ เพราะชาวจีนชอบลงทุน อสังหาฯต่างประเทศอยู่แล้ว บริษัทมีสินค้าตรงความต้องการราคา 3-6 ล้านบาท/ยูนิต
ปริญสิริร่วมทุนจีน
นายอุเทน คงสุนทรกิจกุล กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปีนี้เตรียมเปิดตัวใหม่ 4 โครงการ แบ่งเป็นแนวราบ 2 โครงการ และคอนโดฯ 2 โครงการ โดยคอนโดฯมีที่ดินย่านรัตนาธิเบศร์ เนื้อที่ 3 ไร่ วางแผนพัฒนาเป็นตึกสูง 700-800 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1,700 ล้านบาท ความคืบหน้าโครงการนี้ อยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับจีน ผ่านทางนางสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของปริญสิริ
“ทางนักลงทุนจีนเข้ามาคุยแผนธุรกิจ 2-3 ครั้งแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า มากกว่านี้ เบื้องต้นจีนบอกว่าสามารถ ดีลเงินลงทุนมาร่วมในโครงการนี้ได้ ทั้งนี้ บริษัทเปิดกว้างในการหาพันธมิตรต่างชาติ ล่าสุด มีการเจรจากับนักลงทุนมาเลเซียซึ่งแสดงความสนใจด้วยเช่นกัน” นาย อุเทนกล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ