“อาคม”ยันจีนรับข้อเสนอไทยยอมลดอัตราดอกเบี้ยโครงการรถไฟไทย-จีนเหลือ 2% ระบุกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเร่งศึกษารูปแบบลงทุน
กางแผนให้จีนเพิ่มสัดส่วนหวังลดความเสี่ยง มั่นใจไม่เลื่อนกรอบตอกเสาเข็ม พ.ค.59
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด โดยระบุว่า ขณะนี้ ทางการจีนยอมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้เหลือ 2%ตามที่ไทยได้เสนอไปแล้ว จากเดิมที่กำหนดไว้ 2.5%
ขณะที่กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณารูปแบบการลงทุนเพื่อเปิดให้จีนมีสัดส่วนการลงทุนมากขึ้น และคาดว่าจะมากกว่าไทยในสัดส่วนที่ 60 ต่อ 40 หรือ 70 ต่อ 30 ส่วนจะใช้รูปแบบใดยังไม่สามารถสรุปอย่างชัดเจน “แม้สัดส่วนลงทุนจีนมากกว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการรถไฟไทย-จีน แต่จะเป็นผลให้จีนต้องรองรับความเสี่ยงมากกว่าไทย ทั้งในเรื่องของปริมาณการขนส่งสินค้า และปริมาณผู้โดยสาร โดยสัดส่วนการลงทุนจะอยู่ภายใต้บริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นมา ร่วมกัน”
ทั้งนี้ตามแผนงานที่กำหนดไว้การพัฒนาโครงการจะต้องใช้เทคโนโลยีของจีน ส่วนแผนการเดินรถยังคงวางไว้เช่นเดิม คือ ให้จีนดำเนินการในช่วง 3 ปีแรก เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ไทยก่อนที่ไทยจะดำเนินการเดินรถเอง
การหารือครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นระหว่างนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายหวัง หย่ง มนตรีแห่งรัฐของจีน ทางการจีนได้ยืนยันรับข้อเสนออัตราดอกเบี้ยจากไทย คือ 2% ส่งผลให้ประเด็นในเรื่องอัตราดอกเบี้ยไม่ใช่ปัญหาในการขับเคลื่อนโครงการ แต่กลับพบว่าเรื่องที่ต้องหารือเพิ่มเติม และเร่งให้ได้ข้อสรุปคือสัดส่วนการลงทุน ซึ่งก่อนที่จะสรุปสัดส่วนก็จะต้องหาข้อสรุปเรื่องต้นทุนการก่อสร้างให้ได้ก่อน โดยรองนายกรัฐมนตรีได้ให้เวลากระทรวงการคลังพิจารณา 1 เดือน ก่อนที่กระทรวงคมนาคมจะเดินทางไปประชุมร่วมกับ ทางการจีนครั้งที่ 10 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ในช่วงหลังเทศกาลตรุษจีน หรือภายในเดือน ก.พ.นี้
“ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างยื่นรายงานผลกระทบ ด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เพิ่มเติม หลังจากก่อนหน้านี้ได้ยื่นไปแล้ว เนื่องจากจะต้องนำสถานีบ้านภาชีมาก่อสร้างในโครงการรถไฟไทย- จีนด้วย จากเดิมที่จะต้องก่อสร้างในโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ซึ่งจะดำเนินการได้ช้ากว่า โดยยืนยันว่าเรื่องของกระบวนการยื่นอีไอเอใหม่นี้ จะไม่ส่งผลกระทบ ต่อกำหนดการก่อสร้างในเดือน พ.ค. 2559 อย่างแน่นอน ซึ่งส่วนที่จะพัฒนาก่อนในลำดับแรกยังวางไว้เช่นเดิม คือ จะสร้างจากเส้นทางในช่วงกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมาก่อน จากนั้นจะเป็นช่วงนครราชสีมา-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด”
ขณะที่ ความคืบหน้าของโครงการ ความร่วมมือพัฒนารถไฟไทย-ญี่ปุ่น ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะร่วมมือกับทางการญี่ปุ่น เพื่อเปิดทดลองเดินรถไฟขนส่งสินค้าในเส้นทางหนองปลาดุก-บางซื่อ ก่อนเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ต่อไป ภายหลังญี่ปุ่นได้ศึกษาพบว่ารถไฟในเส้นทาง กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-สระแก้ว-แหลมฉบัง หากมีการปรับปรุงรางเดิมจะส่งผลให้มีความพร้อมในการเดินรถเชิงพาณิชย์ได้ทั้งขนส่งสินค้า และผู้โดยสารได้ เบื้องต้นจึงจะเปิดบริการขนส่งสินค้าโดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์ ขนาดเล็กทดลองให้บริการวันละ 1 เที่ยว และจะมีการประเมินผลก่อนปรับปรุงให้เป็นรถไฟทางคู่ และเป็นรถไฟฟ้า
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ