“โบรกเกอร์” ลุ้นเศรษฐกิจปี 59 โต หวังฉุดบ้านมือสองโตตาม ขณะที่ปี 58 บ้านราคาล้านบาทขึ้นไปขายดี ส่วนต่ำกว่า 3 ล้านบาททรุดฮวบ ด้านศูนย์ข้อมูลฯเผยยอดโอนจากบุคคลธรรมดา 10 เดือนทะลุ 6 หมื่นหน่วย
นายสมศักดิ์ ชุติศิลป์ นายกสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ หรือ RESAM และกรรมการผู้จัดการ บริษัท บี.ซี.พี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด กล่าวว่า ตลาดบ้านมือสองในปี 2558 ในส่วนของบริษัทปรับตัวลดลงจากปีที่ผ่านมาประมาณ 15% แต่หากแยกเป็นระดับราคาพบว่า บ้านราคาเกินกว่า 4 ล้านบาทยังขายดี โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะซื้อด้วยเงินสดหรือขอสินเชื่อเพียงเล็กน้อย แต่ในกลุ่มบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทกลับชะลอตัวมาก ส่วนหนึ่งมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทำให้ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น ไม่มั่นใจรายได้ในอนาคต งานที่ทำจะมั่นคงหรือไม่ทำให้ชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน
นอกจากนี้ ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านถูกปฏิเสธสินเชื่อ บางรายคุณสมบัติไม่ดีก็ได้วงเงินกู้น้อย ดอกเบี้ยแพง ในขณะที่บางรายคุณสมบัติดีก็จะได้วงเงินสูงดอกเบี้ยต่ำเกิดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ซื้อบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท นอกจากนี้ ช่วง 2 เดือนก่อนหน้าที่ รัฐบาลจะประกาศมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ตลาดหยุดชะงักไปชั่วขณะเนื่องจากทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างชะลอการซื้อ-ขายเพื่อรอรับมาตรการ
“ดังนั้น รัฐบาลหรือสถาบันการเงินควรจะสนับสนุนให้ประชาชนมีวินัยในการออมเงิน หรือให้ออมเงินก่อนซื้อบ้าน อาจจะเป็นการทดลองผ่อนในระยะเวลา 6-12 เดือน เพื่อทดสอบว่าผ่อนไหวหรือไม่ มีวินัยการผ่อนชำระที่ดีแล้วจึงไปขอสินเชื่อ” นายสมศักดิ์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มในปี 2559 ต้องจับตาดูภาวะเศรษฐกิจว่าจะมีแนวโน้มเป็นเช่นไร หากมาตรการที่รัฐบาลออกมากระตุ้น หรือการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเดินหน้าก็จะทำให้ภาวะเศรษฐกิจ ปรับตัวดีขึ้นตลาดบ้านมือสองก็จะสามารถเติบโตได้ แต่หากเศรษฐกิจชะลอตัวตลาดบ้านมือสองก็จะชะลอตัวตาม
อย่างไรก็ตาม ภาวะตลาดในปี 58 ในแง่ของบริษัทปรับตัวลดลง แต่หากพิจารณาจากตัวเลขยอดโอนกรรมสิทธิ์ของศูนย์ข้อมูลก็จะทราบภาพรวมตลาด เนื่องจากปัจจุบันมีโบรกเกอร์อิสระจำนวนมากที่ไม่ได้เข้าสู่ระบบหรือจดทะเบียนเสียภาษีอย่างถูกต้อง ทำให้รัฐบาลสูญรายได้จากการจัดเก็บภาษี ดังนั้น จึงต้องการวิงวอนให้รัฐบาลหาแนวทางในการนำโบรกเกอร์อิสระเหล่านี้เข้าสู่ระบบ
ยอดโอนกรรมสิทธิ์ทะลุ 6 หมื่นหน่วย
ขณะที่ตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในช่วง 10 เดือนแรก ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ที่เป็นการโอนจากบุคคลธรรมดาที่เกือบ 100% เป็นบ้านมือสอง พบว่า มีจำนวน 60,452 หน่วย เติบโตประมาณ31.1% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ถือว่าเติบโตขึ้นมาก โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ มีจำนวนการโอนมากที่สุด24,980 หน่วย เติบโตถึง 62.6% รองลงมาคือ ห้องชุด 13,191 หน่วย เติบโต 12.6% ตามด้วย บ้านเดี่ยว12,500 หน่วย เติบโต 13.5% และอื่นๆ 9,781 หน่วย เติบโต 22%
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยมือสองขยายตัวมาก ส่วนหนึ่งมาจากราคาที่อยู่อาศัยใหม่ค่อนข้างสูง ส่วนทาวน์เฮาส์มือสองที่เติบโตอย่างมากในปีนี้ มาจากฐานของปีที่แล้วไม่สูงมากและในหลายทำเลไม่มีโครงการทาวน์เฮาส์ใหม่เปิดตัว จึงทำให้ทาวน์เฮาส์มือสองในพื้นที่นั้นๆ ได้รับความนิยมมาก รวมถึงปัจจุบัน ทาวน์เฮาส์มือสองของสถาบันการเงินหลายแห่ง มีนักลงทุนสนใจซื้อแล้วนำไปปรับปรุง เพื่อขายต่อ ซึ่งหากเป็นทำเลที่ดีและปรับปรุงใหม่ก็จะได้รับการตอบรับที่ดีมาก
ส่วนตลาดห้องชุดตัวเลขการโอนรองลงมา โดย 5 พื้นที่ที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดจากบุคคลธรรมดา10 เดือนแรกของปีนี้ ประเมินในเชิงหน่วย ได้แก่ เขตจตุจักร 531 หน่วย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 994 ล้านบาท รองลงมาคือ เขตคลองเตย 500 หน่วย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,696 ล้านบาท ตามด้วย เขตคลองสาน 195หน่วย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,107 ล้านบาท เขตคลองสามวา 30 หน่วย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 11 ล้านบาท และเขตคันนายาว 18 หน่วย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 19 ล้านบาท โดยเมื่อเทียบกับเมื่อปีที่แล้ว 5 เขตแรกที่มีการโอนห้องชุดมือสองมากที่สุด คือ เขตพระโขนง อำเภอคลองหลวง เขตบางซื่อ เขตห้วยขวาง และเขตบางกะปิ
ขณะที่การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจากนิติบุคคล 10 เดือนแรกปี 2558 ทั้งหมดมีจำนวน 83,965หน่วย ลดลง 9.9% โดยแบ่งเป็น ห้องชุด 39,973 ลดลง 7.7% ทาวน์เฮาส์ 25,644 ลดลง 8.7% บ้านเดี่ยว11,561 ลดลง 22.2% และอื่นๆ 6,787 ลดลง 2.6% ซึ่งต้องประเมินตัวเลขการโอนกรรมสิทธิ์หลังจากที่มาตรการลดค่าธรรมเนียนการโอนและจด จำนองเหลือ 0.01% อีกครั้งว่ากลุ่มที่อยู่อาศัยมือหนึ่ง จะเติบโตหรือไม่
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา