กรุ๊ปเจ้าสัวเจริญพลิกโฉมย่านซีบีดี เชียงใหม่ ลงทุน 6 โปรเจ็กต์ ปักหมุด “เอเชียทีค ริมปิง” ลุยพัฒนาตลาดอนุสาร-ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า-กาแลไนท์บาซาร์เชื่อมโยงธุรกิจโรงแรม-อสังหาฯเชิงท่องเที่ยว ก้าวสู่ “ช้างคลานเมกะคอมเพล็กซ์”
การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนขนาดใหญ่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่อยู่ในภาวะชะลอตัว และรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจภายใต้ขุนพลเศรษฐกิจทีมใหม่ของรัฐบาล ขณะที่ยักษ์ใหญ่อย่าง TCC กรุ๊ป ภายใต้เงาของเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี ยังคงเดินเครื่องลงทุนรับการเติบโตของภูมิภาคนี้ในอนาคต หลังจากได้รุกคืบ ยึดพื้นที่เศรษฐกิจเชียงใหม่อย่างเบ็ดเสร็จแล้ว โดยเฉพาะทำเลทองย่านถนนช้างคลาน ไนท์บาซาร์ รวมทั้งการไล่ซื้อโรงแรมเก่า และพัฒนาแบรนด์โรงแรมหลายระดับ 5-6 ดาว อาทิ แบรนด์เลอ เมอริเดียน แบรนด์อิมม์โฮเต็ล ผ่านทีซีซี โฮเทลส์ กรุ๊ป
ทั้งนี้ เป้าหมายใหญ่ของเครือช้างในเชียงใหม่ คือ ก้าวสู่การเป็นเมกะคอมเพล็กซ์ที่สมบูรณ์แบบในอนาคต รอเพียงจังหวะและเวลาที่เหมาะสมในการเปิดอาณาจักรครั้งใหญ่ในอีกไม่นาน สัญญาณเริ่มต้นคือการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในต้นปี 2558 นี้ โดยก่อนเปิดฉากการค้า เสรีในกลุ่มอาเซียน กลุ่มเบียร์ช้างใน พื้นที่เชียงใหม่เริ่มขยับตัวอย่างมีนัยสำคัญ สอดรับกับยุทธศาสตร์ของ TCC โฮลดิ้ง กรุ๊ป
แหล่งข่าวจากกลุ่มรีเทล บริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ จำกัด ในกลุ่ม ทีซีซีแลนด์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทางกลุ่มอยู่ระหว่างการเร่งตัดสินใจลงทุน และปรับแผนธุรกิจในโครงการเชียงใหม่ ครั้งใหญ่ตามแผนธุรกิจ 5 ปี (ปี 2558-2562) ที่ได้ตั้งงบฯลงทุน 4,000-5,000 ล้านบาท โดยมีแผนงานในเชียงใหม่ที่สำคัญ ได้แก่ 1.การลงทุนโครงการเอเชียทีค เชียงใหม่ บริเวณถนนเจริญประเทศ ติดแม่น้ำปิง ใกล้สะพานขัวเหล็ก ก่อนถึงโรงแรมพรพิงค์ บนที่ดิน 20 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถเชื่อมโยงไปถึงไนท์บาซาร์ และตลาดอนุสาร ครอบคลุมย่านใจกลางเมืองเชียงใหม่
ล่าสุดได้ประสานให้ทีมงานเอเชียทีค ลงมาวางแผนและกำหนดแนวคิดที่จะดำเนินการแล้ว รูปแบบเป็นอาคาร 1-2 ชั้น พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว-ช็อปปิ้งอิงประวัติศาสตร์ล้านนา ขายสินค้าท้องถิ่น ภาคเหนือ เน้นความเป็นไทย อาทิ ผ้าไหม สินค้าแกะสลัก ฯลฯ รองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนไทย
2.ปรับปรุงตลาดอนุสาร หรือโครงการกาแลไนท์บาซาร์ บนถนนช้างคลาน ซึ่งจำเป็นต้องปรับภาพลักษณ์ใหม่เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มชาวจีนที่นิยมมาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ 3.ปรับปรุงรีโนเวต โครงการพันธุ์ทิพย์พลาซ่า เชียงใหม่ โดยจะใช้ทีมงานกลยุทธ์มาพัฒนาโครงการนี้ให้คึกคักขึ้น 4.การพัฒนาระบบของร้านหนังสือสุริวงศ์บุ๊กเซ็นเตอร์ โดยให้ทีมงานของเอเชียบุ๊คเข้ามาบริหารจัดการ
5.การพัฒนาโครงการในภาพรวมของพื้นที่ไนท์บาซาร์ให้เกิดการเชื่อมโยงกันทางธุรกิจ และเกิดในลักษณะ “ช้างคลานเมกะคอมเพล็กซ์” ซึ่งปัจจุบันถือว่ากลุ่มเบียร์ช้างมีการครอบครองพื้นที่มากที่สุดใน 2 ธุรกิจหลัก คือ โครงการศูนย์การค้า ได้แก่ The Plaza, ศูนย์การค้า โอ.พี.เพลส, ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า, ศูนย์การค้ากาแลไนท์บาซาร์, ตลาดอนุสาร เป็นต้น และธุรกิจโรงแรม ได้แก่ โรงแรมเลอ เมอริเดียน, โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง, โรงแรมซีเอส เชียงใหม่ โรงแรมพรพิงค์ ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังโครงการเอเชียทีค เชียงใหม่ ในอนาคต รวมถึงการเล็งซื้อที่ดินเพิ่มในบริเวณดังกล่าวด้วย
สำหรับโครงการที่ 6 คือ การลงทุนด้านเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร โดยมีการลงทุนซื้อที่ดินบริเวณอำเภอสันทราย จำนวน 100 ไร่ เพื่อดำเนินการโครงการตลาดเออีซี ในลักษณะของตลาดค้าส่งสินค้าการเกษตรขนาดใหญ่ของภาคเหนือ เพื่อรองรับสินค้าในเขตภาคเหนือตอนบน และประเทศเพื่อนบ้าน (เมียนมา สปป.ลาว จีนตอนใต้) ซึ่งโครงการนี้อยู่ระหว่างการตัดสินใจ
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า การเคลื่อนไหวด้านการลงทุนของ TCC กรุ๊ป เครือช้าง ในเชียงใหม่ จะเริ่มภายในสิ้นปีนี้เป็นต้นไป โดยทางกลุ่มได้ประกาศแผนธุรกิจ 5 ปี (ปี 2558-2562) ตั้งงบประมาณลงทุน 4,000-5,000 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้เพิ่มจาก ปีนี้ราว 900 ล้านบาท และไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท ภายในปี 2562 โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ ประกาศว่าจะได้ เริ่มลงทุนโครงการเอเชียทีค เชียงใหม่ รวมถึงปรับปรุงตลาดอนุสาร หรือโครงการกาแลไนท์บาซาร์ บนถนนช้างคลาน ตามแผนในปี 2562 บริษัทจะมีพื้นที่รีเทลรวม 2.2 แสนตารางเมตร เป็นต้น
ทั้งนี้ยังสอดคล้องกับการปรับโครงสร้างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กลุ่มรีเทลล่าสุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดย จัดตั้งบริษัท ทีซีซีแลนด์ แอสเสท เวิรด์ จำกัด และมีบริษัทลูกที่ดูแลธุรกิจรีเทล คือ “ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ เอสเตท” เพื่อรวมการบริหารงานเข้าด้วยกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ นางวัลลภา ไตรโสรัส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัด ได้เคยออกมาเปิดเผยแล้วว่า บริษัทเตรียมขยายการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงท่องเที่ยวภายใต้แบรนด์เอเชียทีค อย่างน้อย 3 โครงการ ได้แก่ โครงการเอเชียทีค ถนนเจริญนคร, เอเชียทีค ซีไซด์ หัวหิน และเอเชียทีค ถนนเจริญประเทศ จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะเริ่มพัฒนาในปี 2559 หรืออย่างช้าปี 2560
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ