รัฐเดินหน้าเขต ศก.พิเศษ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเร่งด่วน “ตากสระแก้ว-สงขลา” ลุยเฟสสอง “เชียงราย-นครพนม-เมืองกาญจน์นราธิวาส” 52 โครงการ 1.5 หมื่นล้าน กระทรวงอุตฯ-ชงยุทธศาสตร์ ส่งเสริม 7 คลัสเตอร์ ถึงมือ “สมคิด” ดัน “ระยอง-ภูเก็ต-เชียงใหม่” เป็นฐานผลิต
ครม.ไฟเขียวยกทีมโรดโชว์ดึงนักลงทุน แจกสิทธิพิเศษเว้นภาษีสูงสุด 8 ปี-ลดหย่อนภาษี50% 5 ปี บวกเพิ่มอีก 5 ปี
นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า วันที่ 7 ก.ย. 2558 ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้เสนอแผนและหลักการในการสนับสนุนส่งเสริมคลัสเตอร์ 7 กลุ่มสินค้า ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมยานยนต์ 2.อุตสาหกรรมปิโตรเคมี 3.อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป 4.อุตสาหกรรมสิ่งทอ 5.อุตสาหกรรมไอที 6.อุตสาหกรรมไฟฟ้า และ 7.อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพิจารณา พร้อมกับกำหนดจังหวัดให้แต่ละกลุ่มคลัสเตอร์ลงทุนจัดตั้งโรงงาน สถานประกอบการ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เหมาะจะตั้งใน จ.ระยอง เพราะส่วนใหญ่เป็นแหล่งประกอบการรถยนต์อยู่แล้ว อุตสาหกรรมปิโตรเคมี เหมาะสมจะจัดตั้งในภาคตะวันออก ส่วนอุตสาหกรรมไอที จะส่งเสริมใน จ.ภูเก็ต และ จ.เชียงใหม่ เป็นต้น
โรดโชว์ดึงลงทุน 7 คลัสเตอร์
ทั้งนี้ รองนายกฯสมคิดเห็นด้วยในหลักการที่เสนอ แต่ให้นำมาทบทวนแก้บางส่วนที่ยังไม่สอดรับกัน ก่อนเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา หาก ครม.เห็นชอบ กระทรวงอุตฯ บีโอไอ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะจัดโรดโชว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุน เพื่อให้ทันกรอบเวลาที่กำหนดให้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยภายใน 1 เดือน หลักการเบื้องต้น นักลงทุนที่จะลงทุนใหม่ และนักลงทุนรายเก่า ที่จะขยายการลงทุนเพิ่ม จะได้สิทธิประโยชน์เพิ่มจากเดิม เช่น ยกเว้นภาษีนิติบุคคลสูงสุด 8 ปี ลดหย่อนภาษี 50% 5 ปี อาจบวกเพิ่มให้อีก 5 ปี แต่มีเงื่อนไขไม่ใช่แค่ตั้งโรงงาน แต่ต้องพัฒนาควบคู่ไปด้วย เช่น สร้างถนน แหล่งน้ำ นักลงทุนรายใด สนใจจะต้องยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนภายในปี 2559
หนุนอุตฯยานต้นน้ำ-ปลายน้ำ
โดยเฉพาะอุตฯยานยนต์และชิ้นส่วน ซึ่งไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตใหญ่ที่สุดในอาเซียน และเป็น 1 ใน 7 ของคลัสเตอร์อุตฯที่รัฐบาลให้การส่งเสริมอย่างเต็มที่ กระทรวงอุตฯจะมุ่งส่งเสริมผู้ประกอบการชิ้นส่วนยานยนต์ไทยให้เข้มแข็ง โดยการลดต้นทุนการผลิตด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ซึ่งจากการหารือกับภาคเอกชนต่างมีความมั่นใจในการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อ ส่งออก ซึ่งการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จะเป็นแรงเสริมให้อุตฯยานยนต์ไทยเข้มแข็งมากขึ้น
เร่ง “ตาก-สระแก้ว-สงขลา”
สำหรับความคืบหน้าในการจัดตั้ง เขตเศรษฐกิจพิเศษ ล่าสุด นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จะเร่งการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากรในพื้นที่เร่งด่วน 3 จังหวัด ได้แก่ ตาก สระแก้ว สงขลา ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้เขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นรูปธรรมในปี 2558-2559 โดยจะรายงานความคืบหน้าให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) 16 ก.ย.นี้
ทั้งนี้จากการติดตามพื้นที่แม่สอด จ.ตาก ดำเนินการไปด้วยดี โดยเฉพาะการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2 และถนนต่อเชื่อมระหว่างแม่สอดกับเมียวดี 3,900 ล้านบาท ลงนามร่วมกับเมียนมาแล้วเมื่อ 10 ก.ย. ส่วนสนามบินแม่สอดได้งบฯก่อสร้างอาคารผู้โดยสารและขยายทางวิ่งแล้ว เขตเศรษฐกิจพิเศษ จ.สระแก้ว จะมี 3 ด่านคือ ด่านคลองลึก จะสร้างด่านถาวรแห่งใหม่บริเวณบ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท และจะหารือรัฐบาลกัมพูชาเรื่องจุดข้ามแดน ก่อสร้างสะพานทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งกัมพูชา จะขอเงินกู้ผ่อนปรนจากรัฐบาลไทย ระยะ ต่อไปจะสร้างด่านบ้านไร่-โอเนียง 525 ไร่ จะเร่งก่อสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมระหว่างอรัญประเทศ-ปอยเปต ฝั่งไทยจะแล้วเสร็จปีนี้ ส่วนอีก 6 กม.ไปเชื่อมกับฝั่งกัมพูชา เริ่มเดือน ต.ค.นี้ แล้วเสร็จต้นปี 2559 สำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษสะเดา จ.สงขลา จะปรับปรุงอาคารด่านศุลการ และสิ่งอำนวยความสะดวก ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ฯลฯ
เดินเครื่องเฟสสอง
อีกทั้งจะเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐานรองรับเขตเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ในพื้นที่ด่านบ้านพุน้ำร้อน จะเชื่อมกับเมียนมา พัฒนาเป็นด่านถาวรขนาดใหญ่เต็มรูปแบบ สร้างทางรถไฟจากแหลมฉบัง-กทม.-กาญจนบุรี และมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี-บ้านพุน้ำร้อน และเร่งรัดพื้นที่ที่เหลือต่อไป เช่น เชียงราย นครพนม นราธิวาส เบื้องต้นได้งบฯเขตเศรษฐกิจพิเศษ 6,169 ล้านบาท ในปีงบฯ 2559 แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเขตเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 จะจัดลำดับความสำคัญ ใหม่ 52 โครงการ วงเงินรวม 15,770 ล้านบาท แยกเป็น จ.เชียงราย 20 โครงการ 1,548 ล้านบาท นครพนม 11 โครงการ 5,339 ล้านบาท กาญจนบุรี 9 โครงการ 2,811 ล้านบาท และนราธิวาส 13 โครงการ 6,070 ล้านบาท
อีกทั้งจะเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐานรองรับเขตเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ในพื้นที่ด่านบ้านพุน้ำร้อน จะเชื่อมกับเมียนมา พัฒนาเป็นด่านถาวรขนาดใหญ่เต็มรูปแบบ สร้างทางรถไฟจากแหลมฉบัง-กทม.-กาญจนบุรี และมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี-บ้านพุน้ำร้อน และเร่งรัดพื้นที่ที่เหลือต่อไป เช่น เชียงราย นครพนม นราธิวาส เบื้องต้นได้งบฯเขตเศรษฐกิจพิเศษ 6,169 ล้านบาท ในปีงบฯ 2559 แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเขตเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 จะจัดลำดับความสำคัญ ใหม่ 52 โครงการ วงเงินรวม 15,770 ล้านบาท แยกเป็น จ.เชียงราย 20 โครงการ 1,548 ล้านบาท นครพนม 11 โครงการ 5,339 ล้านบาท กาญจนบุรี 9 โครงการ 2,811 ล้านบาท และนราธิวาส 13 โครงการ 6,070 ล้านบาท
นักลงทุนญี่ปุ่นขานรับ
ด้านนายโมะริคาซุ ชกคิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ.มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า บริษัทเชื่อมั่นทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ ที่นำโดยรองนายกฯสมคิด ว่าจะผลักดันให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนได้มากขึ้น โดยเฉพาะนโยบายสนับสนุนการผลิตสินค้า 7 คลัสเตอร์ เพราะเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในคลัสเตอร์ยานยนต์เกิดการขยายตัวทั้ง
ปริมาณการผลิตและจำนวนผู้ประกอบการ
ขณะที่แหล่งข่าวจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นอีกรายชี้ว่า แม้ญี่ปุ่นยืนยันจะลงทุนในไทย บวกกับนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ใช้มาตรการกระตุ้นด้านภาษี และสิทธิประโยชน์กระตุ้นการลงทุน แต่นโยบายใหม่ของบีโอไอบางส่วน มีปัญหา กฎระเบียบหลายข้อไม่เอื้อต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ และแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นักลงทุนญี่ปุ่นได้เสนอให้บีโอไอแก้เงื่อนไขเรื่องการนำเข้าเครื่องจักร
กระทุ้งรัฐลงทุนเป็นรูปธรรม
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล ที่ปรึกษาสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐควรเร่งลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ในเขตเศรษฐกิจพิเศษดึงดูดนักลงทุน ทั้งในและต่างประเทศ และเร่งกำหนดมาตรการ กฎระเบียบ ด้านการค้า ภาษี การเคลื่อนย้ายแรงงาน ด่านศุลกากร ให้เป็น รูปธรรมโดยเร็ว จะช่วยให้เกิดการค้า การลงทุนความเชื่อมั่น และการตัดสินใจของนักลงทุน หากล่าช้าการค้า การลงทุนจะไม่เกิดขึ้น ส่วนจะเร่งพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ใดก่อน ตนมองว่าควรดำเนินการพร้อมกันทุกเขต เช่นเดียวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
ชงตั้งองค์กรเขต ศก.พิเศษบริหาร
นายพงศ์ชัย ตันอรุณชัย รองเลขาธิการหอการค้า จ.ตาก เปิดเผยว่า ปัญหาและอุปสรรคในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษตาก คือ หน่วยงานภาครัฐกับเอกชนทำงานไม่สอดคล้องกัน โดยรัฐควรสนับสนุนงบฯ เป็นตัวกลางประสานงาน ส่วนเอกชนมีความรู้ด้านการค้าการลงทุน ควรเข้าไปมีบทบาทในการออกแบบ วางยุทธศาสตร์ แต่เอกชนมีส่วนร่วมน้อยมาก อยากเสนอให้นายกฯออกพระราชบัญญัติ หรือพระราชกำหนดบริหารองค์กรเขตเศรษฐกิจพิเศษตาก ใช้เฉพาะพื้นที่ หรือตั้งเป็นองค์การมหาชน ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีนายกฯเป็นประธานบอร์ด และให้เอกชนที่มีความรู้ด้านการค้าการลงทุนเป็นผู้อำนวยการองค์กรเขตเศรษฐกิจพิเศษตาก
ส่วนนายประมวล เขียวขำ เลขาธิการหอการค้า จ.สระแก้ว มองว่านโยบายเรื่องที่ดินยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะการเช่าและค่าเช่าที่ดิน ทำให้นักลงทุนไม่รู้ว่าต้องซื้อที่ดินเอง หรือรัฐจะลงทุนให้ และสิทธิพิเศษแตกต่างกันอย่างไร เพราะวันนี้ที่ดินราคาขึ้นวันต่อวัน จากเดิมไร่ละ 4-5 หมื่นบาท ปัจจุบันไปถึงไร่ละ 5-7 แสนบาทแล้ว ขณะที่สิทธิพิเศษต่าง ๆ แม้รัฐบอกว่าจะให้สิทธิเพิ่ม แต่ยังไม่ได้ดำเนินการจริงจัง
ขันนอตศูนย์บริหารเบ็ดเสร็จ
ด้านนายธวัชชัย เฮงประเสริฐ รองประธานงานส่งเสริมการค้าชายแดน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะอุตฯที่ใช้แรงงานสูง ยังคงมุ่งที่จะลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านมากกว่าไทย แม้จะมีการประกาศเขตเศรษฐกิจพิเศษ เนื่องจากปัญหาเรื่องราคาค่าจ้างแรงงาน และความไม่สะดวกในการติดต่อประสานงาน เอกสาร ข้อมูล ภาครัฐจึงต้องกำหนดนโยบายให้ชัดเจนในการติดต่อประสานงาน ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จด้านการลงทุน (One Stop Service) หรือ OSS ที่ยังมีปัญหาเรื่องบุคลากร
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ