นายวิเชียร แสงวิวัฒน์เจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวถึงกรณีการผลักดันการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณจุดผ่านแดนช่องภูดู่ ต.ม่วงเจ็ดต้น อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์
ซึ่งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาดจำนวน 1,800 ไร่ว่า ล่าสุดคณะรัฐมนตรีอนุญาตให้ จ.อุตรดิตถ์ ใช้ประโยชน์พื้นที่ดังกล่าวได้แล้ว เรื่องนี้มีการผลักดันมาตั้งแต่ปี 2538 รวมระยะเวลากว่า 20 ปี สำหรับแผนดำเนินงานที่เตรียมแบ่งออกเป็นสัดส่วนหลายด้าน ประกอบด้วย ส่วนแรกจำนวน 300 ไร่ เป็นบริเวณอาคารสำนักงานของศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ด่านกักกันพืชและสัตว์ จุดผลัดเปลี่ยนสินค้า อยู่ระหว่างการสำรวจเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้า ป่าอนุรักษ์ พื้นที่ทำกินของประชาชน รวมทั้งส่วนราชการอื่นๆ ที่จะต้องมีตามมาภายหลังจากทุกอย่างเข้าที่แล้ว
นายวิเชียรกล่าวว่า การประชุมร่วมกับฝ่ายสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว ทราบว่า ด่านผาแก้ว แขวงไชยบุรี สปป.ลาว ซึ่งอยู่ห่างจากด่านภูดู่เพียง 1 กิโลเมตร มีการกันพื้นที่ไว้ราว 6,200 ไร่ เพื่อจัดทำเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งอนาคตหอการค้า จ.อุตรดิตถ์ และส่วนราชการ จ.อุตรดิตถ์ จะร่วมกันพัฒนาด่านภูดู่ให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อให้สอดคล้องกับเขตเศรษฐกิจพิเศษของ สปป.ลาว แต่การผลักดันและการพัฒนาให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษของทั้ง 2 ประเทศ จะเป็นไปในลักษณะต่างคนต่างพัฒนามากกว่าจะลงทุนหรือพัฒนาร่วมกัน อย่างไรก็ตามหลังจาก ครม.อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาดได้แล้ว จะมีนักธุรกิจมั่นใจและเข้ามาลงทุนที่ด่านภูดู่เพิ่มมากขึ้น
นายวิเชียรกล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2555-2557 ตัวเลขการนำเข้าและส่งออกร่วมถึงการขยายตัวของมูลค่าเงินของด่านภูดู่จะเฉลี่ยอยู่ที่ราว 1,000 ล้านบาท ขยายตัวเฉลี่ยปีละ 10 เปอร์เซ็นต์ เหตุที่ทำให้การขยายตัวน้อยเนื่องจากการไม่พร้อมของเจ้าหน้าที่ทั้งศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ยังเป็นเจ้าหน้าที่มาจาก จ.น่าน หากด่านภูดู่มีเจ้าหน้าที่มาอยู่ประจำด่านโดยไม่ต้องมาจาก จ.น่าน เชื่อว่าจะทำให้มูลค่าและการส่งออก-นำเข้ามีมากขึ้นอย่างแน่นอน เพราะจะสามารถอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้รวดเร็วและไม่มีค่าธรรมเนียมอะไรมากมาย
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน