คีรีมายา เดินหน้าขยายธุรกิจ ผุดรีสอร์ท- คอนโดหรู สวนกระแสตลาดที่อยู่อาศัย ทำเลเขาใหญ่ชะลอตัว ชี้ปัจจัยลบ กำลังซื้อซบเซา ผลพวงข่าวตรวจสอบ เอกสารสิทธิ์ เตรียมความพร้อมก่อนรุกลงทุน ต่างประเทศ
นายกิตติ ธนากิตอำนวย ประธานที่ปรึกษา บริษัท คีรีมายา จำกัด กล่าวว่าตลาดอสังริมทรัพย์ ทำเลเขาใหญ่ปีนี้คาดว่ายังคงฟื้นตัวได้ไม่มากเนื่องจากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบหลายอย่าง ทั้งสภาวะเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่ยังคงชะลอตัวรวมถึง ผลกระทบจากกรณีข่าวการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินในบริเวณเขาใหญ่ส่งผลกระทบ ต่อความเชื่อมั่นของทั้งผู้ประกอบการและ ผู้ซื้อซึ่งข้อมูลคอลลิเออร์ส ระบุว่า ยอดการเปิดโครงการใหม่ลดลงจากปี 2556 มีจำนวนกว่า 3,000 ยูนิตเหลือเพียงประมาณ 100 ยูนิต ในปี2557
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าช่วงเวลาที่เหลือ ของปีนี้ จะมีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวได้ ดีขึ้น
ขณะที่ราคาที่ดินทำเลเขาใหญ่ พบว่ามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จากราคาไร่ละ 3 ล้านบาท เป็นไร่ละ 5 ล้านบาท ในส่วนอัตราค่าก่อสร้างมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
นายกิตติกล่าวว่าแม้ตลาดจะยังซบเซาแต่บริษัทจะยังคงเดินหน้าแผนธุรกิจต่อไป เพื่อต่อยอดโครงการคีรีมายา รีสอร์ท แอนด์ สปา โรงแรมหรูระด้บ 5 ดาวโครงการแรกในเขาใหญ่ ได้รับการยอมรับจากตลาดในและ ต่างประเทศ และเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อสนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยวทำเลเขาใหญ่ อีกทั้งที่ตั้งของโครงการได้สิทธิ์ในการครอง ที่ดินเป็นไปอย่างถูกต้องทำให้สามารถ เดินหน้าได้
โดยล่าสุดเปิดรีสอร์ทและคอนโดมิเนียมอัตตา เลคไซด์ สวีท รีสอร์ทประกอบไปด้วย ห้องพัก 243 ยูนิตและเพนท์เฮ้าส์ 18 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,980 ล้านบาท นอกจากนี้ ภายในโครงการยังมีสนามกอล์ฟระดับ พรีเมียม ขนาด 18 หลุม มูลค่าลงทุนกว่า 1,200 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 1,400 ล้านบาท
และในปี 2559 บริษัทมีแผนปรับปรุงห้องพักในส่วนของโครงการ มุติมายา ซึ่ง เปิดให้บริการกว่า 7 ปี ด้วยงบลงทุน 30 ล้านบาท และ โครงการคีรีมายา จำนวน 20 ล้านบาท
“เราต้องการยกระดับแบรนด์คีรีมายา ให้เป็นระดับท็อปเท็นด้านคุณภาพและบริการ จำเป็นต้องการรีโนเวทให้มีความทันสมัย อีกทั้งมีเป้าหมายนำแบรนด์คีรีมายาไปลงทุน ในต่างประเทศ รวมถึงนอกพื้นที่ทำเลเขาใหญ่ด้วยใน 5_10 ปีข้างหน้า”
สำหรับภาพรวมในปีนี้ คีรีมายา จะมีรายได้รวมประมาณ 550 ล้านบาท โดยจะเป็นรายได้จากค่าเช่า เป็น 1 ใน 4 ของ รายได้รวม และในปี 2559 จะมีรายได้รวมประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ที่เติบโตจากการเปิดตัวโครงการ อัตตา เลคไซด์ สวีท รีสอร์ท
นายกิตติ กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะอย่างน้อยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ก็เคยได้พิสูจน์ฝีมือมาแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่างานข้างหน้ายากมาก ภาคเอกชนจะอดทนเพียงไรที่จะให้ครม.ชุดใหม่ได้แก้วิกฤติต่างๆ ให้กลับมาดีขึ้นเนื่องจากเวลานี้ มีปัจจัยที่ท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะเศรษฐกิจทั่วโลก กลายเป็นสงครามการเงินที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
“โลกกำลังเปลี่ยนแปลง จากเดิมจะ พิมพ์ธนบัตรใหม่ต้องมีเงินทุนสำรอง แต่อยู่ๆ ก็มีนโยบายคิวอี พิมพ์เงินหว่านเข้าสู่ระบบ หลายประเทศใช้กลยุทธ์ลดค่าเงินเพื่อ กระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม หวังว่าทีมเศรษฐกิจใหม่จะสามารถรักษาสถานการณ์ซึ่งคงมีเวลาไม่มาก และอาจเป็นครั้งเดียวที่ได้พิสูจน์ฝีมือ โดยมองว่ามาตรการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจที่ สำคัญ คือ พูดแล้วต้องทำ ไม่ใช่พูดอย่างเดียว” นายกิตติกล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ