QH เผยเทียบศักยภาพ การดึงดูดนักลงทุน ระหว่าง สถานีมักกะสัน และบางซื่อ เอกชนสนลงทุนบางซื่อมากกว่า เหตุศักยภาพสูงกว่ามากเพราะเป็นศูนย์รวมระบบคมนาคม แนะ ร.ฟ.ท.ต้องชัดเจนในแผนแม่บทรายละเอียดการก่อสร้างก่อน เอกชนจึงกล้าลงทุน
ชี้เม็ดเงินลงทุนสูงระยะเวลาเช่าสั้นหวั่นไม่คุ้มค่าลงทุน พร้อมเสนอเพิ่มอายุสัญญาเช่าลงทุนยาว 90 ปี
ภายหลังจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จัดงานสัมมนาทดสอบความสนใจภาคเอกชนในการลงทุน (Market Sounding) โครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีกลางบางซื่อ โดยมีตัวแทนจากภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มธนาคาร โรงแรม กลุ่มนักลงทุนสมาคมการค้า ทั้งในประเทศและต่างประเทศร่วมงานกว่า 200 คน เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้ส้รางความตื่นตัวและความสนใจในการเข้ามาลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวของภาคเอกชนอย่างมาก
ล่าสุด นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH กล่าวว่าหากเปรียบเทียบความดึงดูด และศักยภาพของสถานีรถไฟฟ้ามักกะสัน และสถานีบางซื่อแล้ว ต้องยอมรับว่าสถานีบางซื่อเป็นสถานีขนาดใหญ่ที่เป็นศูนย์รวมการเชื่อมต่อระบบราง ทั้งรถไฟฟ้าทั้ง 10 เส้นทาง รถไฟทางคู่ รถโดยสารภาคเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงทางด่วน มอเตอร์เวย์ และ แอร์พอร์ตลิงก์ที่จะเข้ามาเชื่อมต่อสถานีบางซื่อในอาคต ดังนั้น ศักยภาพ และความดึงดูดในด้านการลงทุนจากเอกชนจึงมีมากกว่าสถานีมักกะสันแน่นอน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเอกชนจะสนใจลงทุนในโครงการบางซื่อ แต่ภาคเอกชนก็ยังคงต้องศึกษารูปแบบการลงทุน ผลตอบแทน และแนวทางการพัฒนาของภาครัฐให้แน่ชัดก่อน ทั้งนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ต้องเร่งจัดทำแผนแม่บทในการลงทุนและรายละเอียดที่ชัดเจนออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมก่อน เพื่อให้เอกชนตัดสินใจในการลงทุนได้ง่ายขึ้น
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มีความสนใจและมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมลงทุนโครงการดังกล่าว แต่ต้องศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ก่อน โดยโซนนี้ถือเป็นโซนใหม่ของกรุงเทพฯ ที่มีศักยภาพที่น่าสนใจลงทุน เพราะซีบีดีในปัจจุบันพัฒนาโครงการใหม่ๆ ได้ยากขึ้น
“หากภาครัฐพิจารณาเรื่องขยายระยะเวลาการเช่าที่ดินในพัฒนาให้มากกว่า 30 ปี จะทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้นทั้งจากนักลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติ ส่วนระยะเวลาที่เหมาะสมจะเป็นเท่าไร ก็ขึ้นอยู่กับความเป็นไปได้ ซึ่งมีนักลงทุนหลายรายมองระยะเวลาเช่าที่ 90 ปี เพราะยิ่งระยะเวลาเช่านานเท่าไร ก็ยิ่งคุ้มกับการลงทุน ทำให้นักลงทุนกล้าที่จะใส่เม็ดเงินลงทุนได้เต็มที่คุ้มกับศักยภาพของทำเล” นายนริศ กล่าว
นางณภัสสร์ยา ธำรงสมบัติสกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในเครือบริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า แนวคิดการพัฒนาโครงการ จะประกอบด้วย 4 โซน ได้แก่ โซนเอ ศูนย์กลางธุรกิจครบวงจร ตั้งอยู่ทิศใต้ของสถานีกลางบางซื่อ ห่างจากสถานี 50-100 เมตร บนพื้นที่ 35 ไร่ มูลค่าลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท
โซนบีศูนย์กลางค้าปลีก-ส่งแห่งอาเซียน ตั้งอยู่ทิศตะวันออกของสถานีกลางบางซื่อ ห่างจากตลาดนัดจตุจักร 700 เมตร บนพื้นที่ 78 ไร่ คาดมูลค่าลงทุน 24,000 ล้านบาท โซนซี สวนสุขภาพและที่อยู่อาศัย ตั้งอยู่บนพื้นที่ของสถานีหมอชิต 2 ซึ่งปัจจุบันสิ้นสุดสัญญาเช่าพื้นที่จาก ร.ฟ.ท. บนพื้นที่ 105 ไร่ มูลค่าลงทุนราว 34,000 ล้านบาท และโซนดี ศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทาง อยู่ติดกับตลาดนัดจตุจักร ตรงข้ามตลาด อ.ต.ก. บนพื้นที่ 87.5 ไร่ ขนาดที่ดิน 140,000 ตร.ม. พื้นที่พัฒนาได้ 1,120,000 ตร.ม.
สำหรับรูปแบบการลงทุนจะเปิดให้เอกชนเข้าร่วม โดยให้สิทธิเอกชนระยะยาวในการเข้าใช้พื้นที่ และร่วมทุนกับเอกชน (Joint Venture) ในลักษณะให้เอกชนเป็นผู้พัฒนาหลัก เพื่อวางแผนพัฒนาพื้นที่โครงการ โดยตามแผนดำเนินงานคาดว่าปี 2559 ร.ฟ.ท.จะนำเสนอโครงการดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการของ พ.ร.บ.ร่วมทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (พีพีพี) เนื่องจากมูลค่าโครงการเกิน 1,000 ล้านบาท เพื่อความ เห็นชอบจากมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และในปี 2560 คาดว่า ร.ฟ.ท.จะประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนและสรรหานักลงทุนได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน