ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ภาวะการซื้อ-ขายบ้านและคอนโดมิเนียมที่ชะลอตัวลงเท่านั้น ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือ ผลกระทบที่จะเกิดกับการโอน
เพราะมีผลต่อรายได้โดยตรงของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกับคอนโด ซึ่งบริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย รายงานว่า มีจำนวนคอนโดที่สร้างเสร็จภายในครึ่งปีหลังนี้กว่า 4 หมื่นยูนิต
“ปัจจัยที่จะมีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยตรงคือ การที่ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดในการพิจารณาการขอสินเชื่อมาก ทำให้สัดส่วนปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ประมาณ 25-30% และยอดโอนกรรมสิทธิ์ก็ลดลงเช่นกัน ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อผู้ประกอบการ และที่น่าสนใจอีกประเด็นคือ จำนวนของคอนโดที่สร้างเสร็จในช่วงครึ่งหลังปี 2558 มีมากกว่า 4 หมื่นยูนิต หากผู้ประกอบการมีจำนวนยูนิตที่ ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์อยู่มากก็จะมีผลกระทบต่อหลายๆ อย่างตามมาแน่นอน” สุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ให้ความเห็น
ทั้งนี้ คอนโดที่สร้างเสร็จค่อนข้างจะอ่อนไหวและมีความเสี่ยงที่จะมีปัญหาการโอน ซึ่งนอกจากภาวะเศรษฐกิจที่แปรปรวนจะทำให้ธนาคารเข้มงวดการปล่อยกู้จนยอดการปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อยังคงอยู่ในระดับ 25-30% หรืออาจจะมากกว่านั้นแล้ว อีกกลุ่มที่จะสร้างปัญหาชวนปวดหัวให้กับ ผู้ประกอบการคือ กลุ่มเก็งกำไรและลงทุนในคอนโดที่เคยเฟื่องฟูในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้
เนื่องจากในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ราคาขายต่อและผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าไม่ได้เป็นไปตามที่นักเก็งกำไรรวมถึงนักลงทุนคอนโดคาดหมายไว้ ซึ่งมีการประเมินกันว่ายอดขายของทั้งสองกลุ่มในปัจจุบันอยู่ที่ 40-50% ของยอดขายรวม จะมีปัญหายื้อการโอนตามมาอย่างแน่นอน ซึ่งจะกระทบต่อการรับรู้รายได้ปีนี้ในที่สุด
เรื่องนี้ อธิป พีชานนท์ ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวจะทำให้คอนโดที่อยู่ระหว่างการโอนมีปัญหาจากกลุ่มเก็งกำไรที่เริ่มชะลอโอนประมาณ 25-35% เพราะไม่สามารถสร้างผลตอบแทนจากราคาขายได้ตามที่คาดหวัง ซึ่งจะเป็นงานหนักของผู้ประกอบการที่จะต้องรับมือ เพราะคนกลุ่มนี้พยายาม จะยื้อโอนโดยอ้างเหตุผลต่างๆ ที่จะไม่รับโอน จากปัญหาดังกล่าวอาจจะทำให้รายได้ในปีนี้ส่วนหนึ่งหายไป
ขณะที่ภาพรวมของตลาด คอนโดจะเป็นเซ็กเมนต์ที่ทั้งยอดขายและโอนติดลบเกินกว่า 2 หลักแน่
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการในตลาดคอนโดส่วนใหญ่ยังเห็นว่า กลุ่มเก็งกำไรในช่วงที่ผ่านมายังไม่ได้สร้างปัญหาในการโอนจนส่งผล กระทบต่อรายได้ แม้อาจจะมีปัญหายื้อการโอนจากกลุ่มนี้อยู่บ้าง แต่ก็เป็นส่วนน้อย เนื่องจากที่ผ่านมาหลายโครงการก็เริ่มเข้มงวดกับการซื้อเพื่อเก็งกำไรอยู่พอสมควร
ขณะที่ผู้ประกอบการแต่ละ รายจะพยายามเร่งขาย เร่งโอน เพื่อให้ยอดขายและรายได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้มากที่สุด แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมจะยังไม่ฟื้นตัวตามที่คาดหวังก็ตาม ซึ่งจะทำให้ตลาดในช่วงครึ่งปีหลังต้องแข่งขันทั้งการขายและ ต้องกระตุ้นให้ผู้ซื้อเร่งโอนให้ได้มากที่สุด
ขณะเดียวกัน จากสถานการณ์ตลาดและปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้ ทำให้กลุ่มซื้อคอนโดเพื่อเก็งกำไร และเพื่อลงทุนปล่อยเช่าเริ่มหายไปจากตลาด และถือเป็นการปรับฐานตลาดให้กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง แม้ว่าจะยังมีผู้ประกอบการบางกลุ่มยังพยายามที่จะใช้แคมเปญต่างๆ เพื่อกระตุ้นกลุ่มนักลงทุนอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ถ้าหากปริมาณคอนโดในตลาดยังมีอยู่สูง และผลตอบแทนยังไม่จูงใจมากเท่าที่ควร
ทั้งนี้ สัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ประเมินว่า จากภาวะตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ ยังไม่ดี ราคาหุ้นตก รวมถึงราคาทองที่ลดลง ล้วนส่งผลต่อกลุ่มผู้ซื้อเก็งกำไร และกลุ่มลงทุนให้หายไปจากตลาดคอนโดในครึ่งปีหลังพอสมควร และจะทำให้ยอดขายคอนโดไม่ได้วิ่งเร็วเท่าที่ควร เพราะกลุ่มซื้อเพื่อลงทุนมีสัดส่วนอยู่ประมาณ 25-30% ขณะที่กลุ่มเก็งกำไรมีสัดส่วนอยู่ประมาณ 10-15%
ถือเป็นช่วงแห่งการปรับตัวกันอีกรอบของตลาดคอนโด เพื่อให้สอดรับกับสภาพความเป็นจริงของตลาดที่วันนี้เหลือเพียงแต่เรียลดีมานด์ หรือกลุ่มที่ต้องการซื้อ เพื่ออยู่จริง ที่จะผลักดันให้ตลาด คอนโดยังเดินต่อไปได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์