เชียงใหม่-ระนอง ลุ้นเปิดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ระนองเร่งตั้งคณะกรรมการศึกษา ก่อนชงรัฐบาล ชี้มีศักยภาพด้านอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล ชูศักยภาพ 2 ท่าเทียบเรือเป็นแรงหนุนเชื่อมภูมิภาคเบงกอล แหลมมลายู
ด้านเชียงใหม่มั่นใจเมืองมีศักยภาพเพียงพอ เผยชงเรื่องสู่รัฐบาลแล้วในโอกาสประชุมครม.สัญจรเชียงใหม่ ด้านสภาพัฒน์ชี้ไม่ปิดกั้นสามารถเสนอเพิ่มเข้าไปได้ ล่าสุดน่านและบึงกาฬเสนอตัวเข้ามาแล้ว
นายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ภาครัฐและเอกชนในจังหวัดระนอง ร่วมกับนายศักดิ์ดา ศรีวิริยะไพบูลย์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)จังหวัดระนอง ร่วมกันประชุมกำหนดกรอบการพัฒนาจังหวัด ซึ่งเบื้องต้นกำหนดกรอบการพัฒนาไว้ 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.การพัฒนาด้านโลจิสติกส์ โดยจะผลักดันให้ท่าเทียบเรือระนองเป็นท่าเรือนานาชาติในการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศและในกลุ่มบิมสเทค (BIMSTEC) 2.การผลักดันพัฒนาจังหวัดระนองเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมการแปรรูปสินค้าอาหารทะเล และ 3.ผลักดันจังหวัดระนองขึ้นชั้นสู่เมืองการท่องเที่ยว
“ที่ประชุมได้นำเสนอแนวทางการวางกรอบการพัฒนา โดยหลังจากหาข้อสรุปในกรอบการพัฒนาแล้ว ทางจังหวัดระนองจะดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อทำการศึกษาการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ จัดเก็บข้อมูล เพื่อนำเสนอไปทางรัฐบาลต่อไป”
นางนฤมล ขรภูมิ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดระนอง กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางภาคเอกชนจังหวัดระนองร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ผลักดันจังหวัดระนองเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองระนอง เป้าหมายสำคัญ คือ จะเป็นตัวช่วยสำคัญเพื่อเน้นการพัฒนาศักยภาพท่าเรืออเนกประสงค์จังหวัดระนอง เป็นศูนย์กลางทางการค้าสู่อ่าวเบงกอล ด้วยศักยภาพด้านพื้นที่ตั้งของท่าเรือระนอง เหมาะสำหรับการเปิดเส้นทางการเดินเรือ เพื่อเชื่อมโยงการค้าผ่านทางเรือไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเบงกอล แหลมมลายู และสามารถถ่ายลำเรือเพื่อขนส่งต่อเนื่องไปยังประเทศต่างๆ ในทวีปแอฟริกา และยุโรปได้
ท่าเรือระนอง มี 2 ท่าเทียบเรือ โดยมีท่าเทียบเรือที่ 1 คือ ท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ มีขนาดกว้าง 26 เมตร ยาว 134 เมตรสามารถรับเรือสินค้าขนาดไม่เกิน 500 ตันกรอส จอดเทียบท่าได้พร้อมกัน 2 ลำ มีสะพานเชื่อมฝั่งกว้าง 7.5 เมตร ยาว 210 เมตร จำนวน 2 สะพาน ท่าเทียบเรือที่ 2 เป็นท่าเทียบเรือตู้สินค้า มีความกว้าง 30 เมตร ยาว 150 เมตร สามารถรับเรือสินค้าขนาดไม่เกิน 12,000 เดตเวตตัน จอดเทียบท่าได้ครั้งละ 1 ลำ มีสะพานเชื่อมฝั่งกว้าง 7.5 เมตร ยาว 210 เมตร สะพานเชื่อมกับท่าเรืออเนกประสงค์ กว้าง 10 เมตร ยาว 40 เมตร จากศักยภาพดังกล่าว จึงเหมาะสมที่จะผลักดันจังหวัดระนอง ให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อส่งเสริม และพัฒนาท่าเรือระนอง เป็นประตูการค้าระหว่างประเทศไทยกับประเทศในซีกโลกตะวันตก นางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในโอกาสที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินทางมาจัดประชุมครม.สัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2558 ที่ผ่านมา ทางภาคเอกชนของจังหวัดเชียงใหม่ ในนามคณะกรรมการร่วมภาคเอกชนจังหวัดเชียงใหม่ (กกร.จังหวัดเชียงใหม่)ได้เสนอผลักดันโครงการต่างๆไปยังรัฐบาลรวมหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือ การเปิดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากการเติบโตของเมือง รวมทั้งศักยภาพด้านต่างๆ โดยเฉพาะเส้นทางคมนาคมที่จะเชื่อมโยงไปในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะทางจีนตอนใต้ และประเทศกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง น่าจะเป็นโอกาสหนึ่งที่ทำให้จังหวัดเชียงใหม่มีศักยภาพเพียงพอในการเปิดพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษได้
ส่วนนายชาญวิทย์ อมตะมาทุชาติ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) เปิดเผยว่า จังหวัดอื่นที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่จังหวัดประกาศเป็นพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษไปแล้วนั้น ก็ยังสามารถเสนอตัวเข้ามาได้ ที่ผ่านมามี 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดบึงกาฬ และน่าน ที่เสนอตัวขอตั้งเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณา เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ติดแนวชายแดน
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ