นายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT กล่าวว่า ตลาดกระเบื้องหลังคา และวัสดุก่อสร้างในประเทศปีนี้จะยังทรงตัวหรือไม่มีการขยายตัวจากปีก่อนหน้า
เนื่องจากลูกค้าหลักคือกลุ่มเกษตรกรประสบปัญหาภัยแล้ง และราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ทำให้กำลังซื้อในกลุ่มดังกล่าวหายไป ดังนั้น DRT จึงมีกลยุทธ์การตลาดหันไปเพิ่มช่องทางการจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น โดยเน้นการขยายช่องทาง การจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด ซึ่งมีการขยายสาขาเพิ่มอย่างมากในปีที่แล้ว เช่น ไทวัสดุก่อสร้าง โฮมโปรฯ
โดยปัจจุบันสัดส่วนการขายผ่านช่องทางต่างๆ ของบริษัทประกอบด้วย โมเดิร์นเทรด 12-13% การขายผ่านโครงการอสังหาฯ 10% และการส่งออก 15% ส่วนที่เหลือเป็นการขายผ่านดีลเลอร์ หรือตัวแทนจำหน่าย ซึ่งมีอยู่ 600-700 รายทั่วประเทศ โดยรายได้จากการขายแบ่งออกเป็นกลุ่มหลังคา 55-60% กลุ่มอิฐมวลเบา 5% และเป็นยอดขายจากกลุ่มไม้สังเคราะห์ 40%
นอกจากนี้ยังเพิ่มน้ำหนักในการขายเข้าโครงการ และส่งออกสินค้าไปขายในต่างประเทศ โดยในปีนี้ บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปเพิ่มเป็น 15% จากเดิมส่งออกประมาณ 12-13% โดยกลุ่มประเทศที่มียอดสั่งซื้อขยายตัวอย่างมากคือ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม เนื่องจากมีนักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนพัฒนาโรงแรม ออฟฟิศ และที่อยู่อาศัย
อย่างไรก็ตาม ตลาดโดยรวมกลุ่มกระเบื้องหลังคานั้นในแต่ละปีจะมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 10% ซึ่ง DRT วางเป้าการเติบโตของยอดขายในแต่ละปีให้สอดคล้องไปกับตลาด แต่ในปีนี้คาดว่าตลาดจะไม่เติบโต จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวและกำลังซื้อลูกค้าหลักที่หายไป ทำให้ในปีนี้บริษัทวางเป้ายอดขายเติบโตไว้เพียง 4% หรือมียอดขายเพิ่มขึ้น 400 ล้านบาทจากปีก่อนหน้าที่มียอดขายรวม 4,000 ล้านบาท โดยยอดขายที่โตขึ้นจะมาจากตลาดส่งออกเป็นหลัก
“แนวโน้มการขยายตัวด้านการลงทุนในประเทศเพื่อบ้านทำให้ยอดส่งออกขยายตัวดี โดยเฉพาะในกลุ่มไม่สังเคราะห์ และกระเบื้องหลังคา ทำให้บริษัทมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิต โดยมีการตั้งโรงแรงผลิตในพื้นที่ใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสะดวกในการขนส่ง ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาคาดว่าหากมีการตั้งโรงงานจะใช้งบลงทุน 200-300 ล้านบาท และจะเพิ่มกำลังการผลิตได้กว่า 50,000 ตันต่อปี”
ที่มา : ASTV ผู้จัดการรายวัน