เอกชนคาดครึ่งปีหลังตลาดคอนโดฯกรุงเทพฯ-ปริมณฑลน่าจะ ฟื้นตัวดีขึ้น เผยขณะนี้ผู้ประกอบการจ่อเปิดโครงการใหม่อีกเพียบ สวนทางรับสร้างบ้าน คาดจะหดตัวไม่ต่ำกว่า 20% แถมแข่งขันแรงหวั่นรายย่อยหั่นราคาสู้
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย และกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียม กรุงเทพฯและปริมณฑล ในช่วงครึ่งปีหลัง 2558 มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มตลาดกลาง-บน ที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่หันมาพัฒนาโครงการในตลาดนี้มากขึ้น เพราะลูกค้ายังมีความต้องการและมีกำลังซื้ออยู่ ส่วนกลุ่มตลาดกลาง-ล่าง การเปิดโครงการใหม่ยังชะลอตัว คาดว่าทั้งปี 2558 จะมียอดขายคอนโดฯรวมประมาณ 148,000 ล้านบาท เติบโต 4% จากปี 2557 ที่ 142,000 ล้านบาท
“ช่วงครึ่งปีหลังตลาดน่าจะคึกคักมากขึ้น โดยเริ่มเห็นสัญญาณจากการเปิดตัวโครงการใหม่ของบริษัทต่างๆ ในช่วงไตรมาส 2 นี้ อาทิ เอพี จะเปิดตัว 6 โครงการใหม่พร้อมกัน ศุภาลัย 2 โครงการ แสนสิริเปิด 2 โครงการ พฤกษาเปิด 1 โครงการ และแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จะเปิดโครงการใหม่เช่นกัน” นายประเสริฐกล่าว
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ ไม่ได้คึกคักมากนัก บริษัทมีการลงทุนแบบระมัดระวัง โดยครึ่งปีแรกเปิดไปแค่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 4,600 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลังจะเปิดโครงการใหม่อีก 4-5 โครงการ มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท
นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้านกล่าวว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมทั้งในต่างจังหวัด ในช่วงเดือนเมษายนมิถุนายนที่ผ่านมา พบว่าความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อของผู้บริโภคปรับตัวลดลงชัดเจนทั้งในแง่ของปริมาณรวมและมูลค่าต่อหน่วย กล่าวคือ ลดลงกว่า 20% และเลือกปลูกบ้านราคาประมาณ 2-3 ล้านบาทเศษ จากเดิมที่นิยมเลือกสร้างบ้านในระดับราคา 3-5 ล้านบาทขึ้นไป ส่งผลให้ผู้ประกอบการแห่จัดโปรโมชั่นเพื่อดึงลูกค้าทั้งการให้ส่วนลดและการแจกทองคำ รถยนต์ เป็นต้น
นายสิทธิพรกล่าวว่า ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลังนั้นคาดว่าจะฟื้นตัวเล็กน้อยจากไตรมาสที่ผ่านมา เพราะ ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่แข่งขันอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล จะมีการจัดกิจกรรมตลาดเพื่อสร้างการรับรู้และกำลังซื้อผู้บริโภค กอปรกับผลการสำรวจออนไลน์ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายระบุว่า มีแผนจะสร้างบ้าน หลังใหม่ในปี 2558 นี้ ดังนั้น เชื่อว่าแนวโน้มการแข่งขันของผู้ประกอบการในครึ่งปีหลัง น่าจะรุนแรงกว่าในช่วงครึ่งปีแรก โดยเฉพาะตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่มีผู้ประกอบการแข่งขันกันอยู่มากกว่า 100 ราย รวมถึงตลาดรับสร้างบ้านต่างจังหวัดที่มีการแข่งขันไม่มาก แต่ด้วยกำลังซื้อที่มีอยู่จำกัดก็น่าจะทำให้การแข่งขันรุนแรงเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยที่มักใช้กลยุทธ์ตัดราคา เพื่อให้ได้งานและมีเงินหมุนเวียนมาเลี้ยงพนักงานในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเป็นความเสี่ยงสำหรับผู้บริโภคที่เลือกใช้บริการ หากว่าผู้ประกอบการประสบปัญหาและปิดกิจการลง
“คาดว่าตลาดรับสร้างบ้านครึ่งปีหลังแนวโน้มไม่สดใส หากไม่มีการกระตุ้นกำลังซื้อหรือขาดแรงจูงใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่ดีพอ เชื่อว่ามูลค่ารวมตลาดรับสร้างบ้านปี 2558 นี้ มีโอกาสปรับตัวลดลงไม่น้อยกว่า 10-20% จากที่ก่อนหน้านี้ประเมินไว้ว่า มูลค่ารวมตลาดรับสร้างบ้านปีนี้ประมาณ 1.6 หมื่นบ้านบาท ซึ่งผู้ประกอบการควรต้องควบคุมการบริหารจัดการและปรับลดค่าใช้จ่าย เพื่อประคองตัว และสร้างมูลค่าเพิ่มโดยโฟกัสกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน พร้อมสร้างแรงจูงใจหรือกระตุ้นกำลังซื้อที่โดนใจมากขึ้น” นายสิทธิพรกล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน