สนข.เฟ้นโครงสร้างพื้นฐานแสนล้านอัดลงทุนเขตเศรษฐกิจพิเศษเฟส 2 นับ 100 โครงการ ดันโปรเจ็กต์ยักษ์รถไฟทางคู่ “เด่นชัย-เชียงราย-เชียง ของ/บ้านไผ่-นครพนม”/ ขยาย 4 เลน มอเตอร์เวย์กาญจน์/สะพานข้ามโขง 5/เลี่ยงเมืองเชียงของ/ศูนย์เปลี่ยนถ่ายสถานีขนส่งสินค้า/ ด้านส.ป.ก. ใจป้ำให้ที่ดินตีนสะพานโขง 4 ผุดศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า-ให้เอกชนเช่า
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผย “ฐานเศรษฐ กิจ” ว่ากระทรวงคมนาคมได้มอบให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) จัดทำแผนระบบโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเร่งด่วน เชื่อมโยงพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะที่ 2 ประกอบด้วย 1.จังหวัดเชียงราย 3 อำเภอได้แก่ อำเภอเชียงของ อำเภอแม่สาย และอำเภอเชียงแสน 2. จังหวัดนครพนม 3.จังหวัดกาญจนบุรี และ 4.จังหวัดนราธิวาส ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2558 พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะ ประธานคณะอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านศุลกากรเขตเศรษฐกิจพิเศษ ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือเกี่ยวกับโครงการและงบประมาณที่จะลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษเฟส 2 ดังกล่าว โดยผลการหารือ พล.อ.อ.ประจินได้มอบสนข.ไปจัดลำดับโครงการที่จำเป็นเร่งด่วนก่อนในเฟส 2 รวมทั้งโครงการลงทุนเพสแรก เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ(กนพ.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในคราวต่อไป
“ระบบโครงข่ายในทุกพื้นที่ทั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษเฟส 1 และ 2 จะต้องเติมเต็ม พื้นที่ไหนแหว่งก็ควรเติม เพื่อให้เกิดโครงข่ายเชื่อมโยงที่สมบูรณ์ โดยกรมทางหลวง (ทล.)ได้อัดโครงการมาจำนวนมาก ซึ่งมองว่าต่างก็มีความจำเป็นต่อการเชื่อมโยงในแต่ละพื้นที่” ปลัดคมนาคมกล่าว
แหล่งข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กล่าวเสริมว่า โครงข่ายลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษระยะที่ 2 ที่จำเป็นเร่งด่วน วงเงิน 1.78 แสนล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 100 โครงการ ประกอบด้วย โครงการรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1 เมตร สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ รถไฟทางคู่สายบ้านไผ่-นครพนม ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) จำนวน 2 สายทางที่เชื่อมโยงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะที่ 2 เพราะระบบรางมีความสำคัญที่จะช่วยขนส่งทั้งสินค้าและคนจากเมืองชายแดนไปยังพื้นที่อื่นๆในปริมาณมากๆได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ รถไฟทางคู่ทั้งสองเส้นทางนี้ ออกแบบเรียบร้อยแล้ว และใกล้ผ่านการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ จากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)
ส่วนรถไฟทางคู่สายทวายแฉลมฉบัง แม้จะเกี่ยวข้องกับเมืองชายแดนเขตเศรษฐกิจพิเศษ แต่มองว่าเป็นการลงทุนระหว่างไทยกับญี่ปุ่นเช่นเดียวกับจีนที่ลงทุนทางคู่ เส้นกรุงเทพฯ-หนองคาย นอกจากนี้ยังมีโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 สายบางใหญ่ บ้านโป่ง-กาญจนบุรี-บ้านพุน้ำร้อน สถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี จุดพักรถบรรทุก 28 แห่ง ด่านศุลกากรแห่งใหม่ ฯลฯ อย่างไรก็ดีกรมทางหลวงได้เสนอโครงการก่อสร้างและขยายทางจาก 2 ช่องจราจรมากที่สุด ทั้งโครงการก่อสร้างเส้นทางใหม่ๆ
ส่วนจังหวัดเชียงรายได้แก่ โครงการก่อสร้างและขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1290 ช่วงเชียงแสนเชียงของ ตอน 3 ระยะทาง 21 กิโลเมตร งบประมาณปี 2559 วงเงิน 200 ล้านบาทจาก 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร, โครงการก่อสร้างและขยายทล.แผ่นดินหมายเลข 1152 ช่วงเชียงราย-ขุนตาล ระยะทาง 48 กิโลเมตร วงเงิน 3 พันล้านบาท งบประมาณ ปี 2560-2562, โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองเชียงของ ระยะทาง 12 กิโลเมตร วงเงิน 900 ล้านบาท, โครงการก่อสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าที่อำเภอเชียงของจำนวน กว่า 300 ไร่ และสถานีขนส่งสินค้าจังหวัดเชียงราย ของกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) เป็นต้น ซึ่งจังหวัดเชียงรายมีโครงการเร่งด่วนทั้งหมด 52 โครงการ
จังหวัดนราธิวาสได้แก่ โครงการขยายเขตทาง 4 ช่องจราจร ทล.แผ่นดินหมายเลข 4055 ช่วงนราธิวาส-ระแงะ ตอน1, ขยายทล.แผ่นดินหมายเลข 4056 ช่วงระแงะ-สุไหงโก-ลก ตอน 1-3 งบประมาณปี 2562-2564, โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำที่สุไหงโก-ลก และเบตง โครงการพัฒนารอบด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก นิคมอุตสาหกรรมจังหวัดนราธิวาส เป็นต้น ซึ่งทั้งหมด 20 โครงการ ส่วนจังหวัดนครพนม มี 41 โครงการ อาทิ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 5 (บึงกาฬ-ปากซัน) ศูนย์การขนส่งชายแดน โครงการก่อสร้างด่านศุลกากรแห่งใหม่ รวมทั้งโครงข่ายถนนในพื้นที่ สนามบินเลิงนกทาเป็นต้น
แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า โครงการระบบรางที่จำเป็นเร่งด่วนเชื่อมโยงลงพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะที่ 2 มี 2 โครงการได้แก่ โครงการรถไฟทางคู่ขนาดราง 1 เมตรสายเด่นชัย-เชียงรายเชียงของระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร งบประมาณกว่า 7 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟทางคู่ สายบ้านไผ่-นครพนมอยู่ระหว่างพิจารณาอีไอเอ และออกแบบแล้วเสร็จ ระยะทาง 326 กิโลเมตร งบประมาณ 6.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการนี้ อยู่ระหว่างพิจารณาอีไอเอ และออกแบบแล้วเสร็จ
ด้านนายสงวน ซ้อนกลิ่นสกุล รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย ฝ่ายโลจิสติกส์-GMS กล่าวว่า อำเภอเชียงของเป็นหนึ่งในเขตพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดเชียงราย ถูกกำหนดบทบาทให้เป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าที่จะไปยังประเทศจีนที่ผ่านมามีตัวแทนของกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ระดับชาติ ได้เข้ามาขอคำปรึกษา เพื่อที่จะมาจัดตั้งศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า ภายในนิคมอุตสาหกรรมเชียงของ ที่ทุ่งสามหมอน รอยต่อระหว่างตำบลสถานกับตำบลศรีดอนชัย ซึ่งบริษัท เมืองเงิน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เป็นผู้ทำสัญญากับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)ไว้แล้ว แต่ปัจจุบันยังมีปัญหาเรื่องที่ดินที่ยังตกลงกันไม่ได้เพื่อตั้งนิคมอุตสาหกรรมเชียงของ
ขณะที่ นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ลงพื้นที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ตรวจสภาพการใช้ที่ดิน ส.ป.ก.บริเวณทางเข้าสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 เชื่อมอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย กับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว โดยพบว่ามีที่ดินที่ยังว่างเปล่า ไม่มีการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยหรือการลงทุนอื่นใด ประมาณ 2 พันไร่ หากรัฐบาลจะนำมาใช้เพื่อส่งเสริมการลงทุนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ก็สามารถนำมาจัดสรรให้เอกชนลงทุนได้โดยใช้มาตรา 44 ตามร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557
ด้านนายวิบูลย์ รวยสิน ส.ป.ก.จังหวัดเชียงรายกล่าวว่าขณะนี้กรมการขนส่งทางบกได้ขอใช้พื้นที่ส่วนหนึ่ง สำหรับการก่อสร้างศูนย์เปลี่ยนถ่ายรูปแบบการขนส่งสินค้า จำนวนที่ดินประมาณ 338 ไร่ เป็นที่ดิน ส.ป.ก. 151 ไร่ ที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ 57 ไร่ และเป็นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ น.ส.3 และโฉนด 120 ไร่ โดยที่ดินที่กรมการขนส่งทางบกขอใช้ได้ประกาศเวณคืนมาตั้งแต่ปี 2557 โดยให้ค่าชดเชยไร่ละ 1.2 แสนบาท แต่ ส.ป.ก.กำลังต่อรองเพื่อเพิ่มค่าชดเชยให้กับเกษตรกรที่ถือครองที่ดินของ ส.ป.ก. โดยจะขอเพิ่มเป็น 2 แสนบาทต่อไร่ เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำเงินดังกล่าวนี้ไปซื้อที่ดินมาทำการเกษตรกรทดแทนที่ดินเดิมที่ถูกเวนคืน
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ