เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่โรงแรม คอนราด นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวในงานสัมมนา “ยุทธศาสตร์ทางธุรกิจหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประเทศไทยกับการเป็นศูนย์กลางการผลิตสัมพันธ์สำหรับนักลงทุนญี่ปุ่น”
ซึ่งบีโอไอร่วมกับหนังสือพิมพ์นิคเคอิประเทศญี่ปุ่นว่า นโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับนักลงทุนญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นพื้นที่ชายแดนบนแนวเศรษฐกิจอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (จีเอ็มเอส) ทั้งยังมีปัจจัยการผลิตในพื้นที่ใกล้เคียง และใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงฐานการผลิตในไทยกับประเทศเพื่อนบ้านได้ การลงทุนของญี่ปุ่นในไทยจะช่วยเพิ่มศักยภาพประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิตของญี่ปุ่นในระยะยาว จากการลงทุนด้านการวิจัยและการพัฒนา การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และการเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ
“ทั้งนี้ หลังกำหนดอัตราค่าเช่าในเขตเศรษฐกิจ ขณะนี้มีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนใน 2 จังหวัด ได้แก่ ตาก และสระแก้ว โดยเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย 6-7 ราย เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร และสินค้าอุปโภคและบริโภค ขณะที่นักลงทุนต่างชาติจากเกาหลีใต้และจีนเริ่มให้ความสนใจ คาดว่าจะติดต่อเข้ามาทางบีโอไอเพื่อขอลงพื้นที่ในไม่ช้า ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นคาดว่าจะมีการรวมกลุ่มเข้ามาเร็วๆ นี้” นางหิรัญญากล่าว
นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติและญี่ปุ่นให้ความสนใจในตลาดอาเซียน เนื่องจากเป็นตลาดเกิดใหม่ ทางการเติบโตของประชากร 43 ล้านคน ในอีก 5 ปี มีกำลังซื้อที่สำคัญจากกลุ่มรายได้ปานกลางซึ่งมีสัดส่วน 55% ในปี 2563 เพิ่มจากเดิม 28% และการเกิดขึ้นของสังคมเมืองในตลาดกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม (ซีแอลเอ็มวี)
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน