The future is here แคมเปญใหม่ หมาดของ “ดร.ทริป-ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ซีอีโอและเอ็มดีใหญ่ ควอลิตี้ เฮ้าส์ นั่งบริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์บิ๊กเนมได้ 5 เดือนเศษ
วันนี้เขานำเสนอแนวคิดว่า คัมภีร์อสังหาฯไม่ใช่ “ทำเล ทำเล ทำเล” (Location Location Location)อีกต่อไป หากแต่เป็น “การเดินทาง การเดินทาง และการเดินทาง” (Transportation Transportation Transportation)
เหตุผลเพราะ “…ทำเลมันก็อยู่ที่เดิมนั่นแหละ แต่อินฟราสตรักเจอร์หรือการคมนาคมขนส่งมันเปลี่ยน ทำเลก็เลยเปลี่ยนตาม”
140 โครงการ 7.2 หมื่นล้าน”อ.ชัชชาติ” นำเสนอแนวคิดนี้ผ่านทำเล “ราชพฤกษ์” โดยนิยามว่าโซนราชพฤกษ์ กินพื้นที่ตั้งแต่ตอนเหนือเริ่มต้นที่ถนน 345, ตะวันออก เกาะ ถ.ชัยพฤกษ์ (สะพานพระราม 4) ถ.รัตนาธิเบศร์ (สะพาน พระนั่งเกล้า) ถ.นครอินทร์ (สะพานพระราม 5) และ ถ.บรมราชชนนี, ย้ายมาฝั่งตะวันตก เกาะ ถ.กาญจนาภิเษก ถ.วัดพระเงิน ถ.บางกรวย-ไทรน้อย และ ถ.บ้านกล้วยไทรน้อย มาจบที่ตอนใต้เกาะ ถ.เพชรเกษม
ตามคำนิยามนี้ทำให้โซนราชพฤกษ์มีรูปร่างโซนเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าลากยาวตั้งแต่ ถ.345 ถึงเพชรเกษม กับ ถ.วงแหวนหรือกาญจนาภิเษกลากยาวมาถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยา
สถิติจากการสำรวจ คือ มีผู้ประกอบการ ให้ความนิยมพัฒนาที่ดินรวมกัน 140 โครงการในปัจจุบัน มูลค่ารวมกันไม่หนี 72,000 ล้านบาท เป็นข้อมูลเฉพาะโครงการแนวราบที่เหลือขายอีกต่างหาก ถ้าหากนับโครงการสะสมรวมกันมูลค่าน่าจะเป็นหลัก 1-2 แสนล้านบาท
จุดเปลี่ยนของทำเลมาจากการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ภาครัฐนั่นเอง
รถไฟฟ้า-ทางด่วนจุดพลุตามมาดูโครงข่ายคมนาคมในโซนราชพฤกษ์ มีเมกะโปรเจ็กต์ภาครัฐอย่างน้อย 5 โครงการด้วยกัน คือ 1.โครงข่ายรถไฟฟ้า 6 สายด้วยกัน มีสายสีเขียวอ่อนต่อยอดบีทีเอสนั่นเอง ปัจจุบันต่อขยายสถานีสีลมถึงบางหว้าแล้ว อนาคตจะต่อขยายออกไปบรรจบถึงตลิ่งชัน, สาย สีม่วงที่จะตัด ถ.ราชพฤกษ์ที่ “สถานีบางรักใหญ่-บางรักน้อย (ท่าอิฐ) ตามแผนจะเปิดทดลองเดินรถปลายปี’59 สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ-หัวลำโพง-บางแค) มาเจอจุดตัด ถ.ราชพฤกษ์ที่สถานีบางหว้า จะเป็นอินเตอร์เชนจ์เพราะบรรจบกับ บีทีเอสตามแผนเปิดบริการปี’60
อีก 3 สายของรถไฟฟ้ามีสีแดงอ่อน (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) ใกล้ ถ.ราชพฤกษ์บริเวณสถานีตลิ่งชัน ตามแผนจะเปิดบริการปี’60, สายสีชมพู (มีนบุรี-แคราย) คืบหน้ารอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการ ไม่ถึงกับบรรจบแต่เฉียดใกล้ ๆ อยู่บริเวณสถานีแคราย และสายสีส้ม แนวตะวันออก-ตะวันตก ใกล้ราชพฤกษ์บริเวณสถานีตลิ่งชันเช่นกัน แต่คงต้องรอนานหน่อยเพราะอยู่ขั้นตอน ศึกษารายละเอียด แถมแนวเส้นทาง ผ่าเมืองบริเวณประตูน้ำ-ราชปรารภที่ยังมีชุมชนคัดค้านอยู่
2.แผนลงทุนขยาย ถ.ราชพฤกษ์ทั้งเส้นเป็น 10 เลน 3.ทางด่วนศรีรัช-วงแหวน รอบนอก ที่ก่อสร้างได้อย่างรวดเร็ว เตรียมเปิดบริการกลางปี’59 4.โครงการเชื่อมต่อ ถ.ราชพฤกษ์-กาญจนาภิเษก 5.แผนตัดมอเตอร์เวย์ บางใหญ่-บ้านโป่ง-เมืองกาญจน์
เมื่อเทียบกับโซนอื่นของกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นโซนดอนเมือง, ลำลูกกา, บางนาวงแหวน และสำโรง-สมุทรปราการ-ปากน้ำแล้ว โครงข่ายการเดินทางหนาแน่นกว่า กลายเป็นที่มาที่ประกาศว่าโซนราชพฤกษ์เป็นทำเลแห่งอนาคตของกรุงเทพฯ หรือ The future is here
คิวเฮ้าส์ตีตรา “เจ้าตลาด”จะเป็นด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจก็ตาม ในจำนวน 140 โครงการ มูลค่ารวม 72,000 ล้านบาทของโซนราชพฤกษ์ ปรากฏว่ามีบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด และคอนโดมิเนียมในเครือคิวเฮ้าส์กระจายตัวรวมกันถึง 23 โครงการ (รวมโครงการที่กำลังจะเปิดตัวใหม่) มูลค่ารวม 23,300 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 33% ของตลาดรวมในพื้นที่
นั่นหมายความว่า คิวเฮ้าส์เป็นเจ้าตลาดอสังหาฯในโซนนี้นั่นเอง
ตัวโปรดักต์ก็น่าสนใจ เพราะกินรวบตั้งแต่ตลาดล่าง-กลาง-บนจนถึงพรีเมี่ยม ไล่เรียงแบรนด์จากเซ็กเมนต์หรู แบรนด์ที่ยืนโดดเด่น คือ “คิว 12” คฤหาสน์ขนาด 300 ตร.ว. 1,000 ตร.ม. เพียง 12 หลัง ราคา 100-150 ล้านบาท ทราบมาว่าเหลือขายจำกัดจำเขี่ยเพียง 4 หลังในปัจจุบัน ยังไม่นับแบรนด์พฤกษ์ภิรมย์กับลัดดารมย์ 5 โครงการ
ตลาดกลาง-บนดักลูกค้าผ่านโครงการตระกูลคาซ่าถึง 9 โครงการ ราคา 5 ล้านขึ้นไป กับมีตลาดกลาง-ล่างคือ เดอะทรัสต์กับกัสโต้ แต่ถึงจะตลาดล่างยังไงก็ราคาสูงกว่าชาวบ้าน กล่าวคือ นิยามไว้ที่ราคาต่ำ 3 ล้าน (คู่แข่งเฉลี่ยราคาต่ำ 2 ล้าน)
จุดสังเกตคือโซนที่บอกว่าเป็นเจ้าตลาดอยู่ ทางคิวเฮ้าส์กำลังทดลองส่งแนวสูง คือ “คาซ่า คอนโด” ทำเลบางใหญ่ กับ “เดอะทรัสต์ คอนโด” ทำเลงามวงศ์วานชิมลางตลาด เหตุผลส่วนหนึ่งเพราะฝั่งเพชรเกษม พุทธมณฑล ผังเมืองยังคุมให้ทำแนวราบหลังใหญ่ ในอนาคตหากมีรถไฟฟ้าพาดผ่าน ซึ่งจะทยอยเปิดปีเลข 6 (2560-2562) เป็นต้นไป มีโอกาสที่ผังเมืองจะปรับให้สามารถขึ้นตึกสูงได้
เมื่อใดก็เมื่อนั้น คิวเฮ้าส์ยังมองเห็นโอกาส ค่ายอสังหาฯคู่แข่งก็มองเห็นเช่นกัน “ราชพฤกษ์” จึงถูกตีราคาว่าเป็นทำเลแห่งอนาคตด้วยประการฉะนี้
ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ