พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ภายในเดือน มิ.ย.นี้จะประชุมคณะกรรมร่วมไทย-ญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกหลังเซ็น MOC (บันทึกความร่วมมือ) และตั้ง คณะทำงานเพื่อดำเนินงานร่วมกัน 3 คณะ ได้แก่
1.คณะทำงานโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ 2.คณะทำงาน เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ, กรุงเทพฯฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ และกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา- แหลมฉบัง และ 3.คณะทำงานด้านการเงินและรูปแบบการลงทุน
“ญี่ปุ่นให้ความสนใจรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯเชียงใหม่เป็นโครงการแรก จะเริ่มพิจารณาด้านการเงินและรูปแบบการลงทุนก่อนเพราะญี่ปุ่นให้ความสำคัญมาก เพราะใช้เม็ดเงินลงทุนสูง อีกประมาณ 1 เดือนหรืออย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งสองฝ่ายจะจัดทำแผนการทำงานของโครงการความร่วมมือต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถเริ่มทำงานได้”
สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯเชียงใหม่ ฝ่ายไทย-ญี่ปุ่นจะร่วมมือกันในการดำเนินโครงการก่อสร้างโดยใช้เทคโนโลยี ชินคันเซ็น อีกทั้งญี่ปุ่นช่วยหาแหล่งเงินลงทุนและ ให้การสนับสนุนการพัฒนาบุคลากร คาดว่า 2 เดือน นับจากนี้จะได้รูปแบบความร่วมมือจะเป็น EPC หรือ PPP เนื่องจากกิจการรถไฟของญี่ปุ่นดำเนินการโดยบริษัทเอกชน คือ บริษัท JR East ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจเหมือนรถไฟไทย-จีน แต่ความร่วมมือเป็นจีทูจี (รัฐบาลต่อรัฐบาล) แน่นอน ส่วนกรอบเวลาทำงานจะมีกี่แผนงาน จะต้องใช้เวลาสำรวจ ออกแบบ ประมาณราคาอีกสักระยะหนึ่ง เรื่องนี้ ไม่ง่าย เนื่องจากญี่ปุ่นมีมาตรฐานและความปลอดภัยต้องได้ 100% แม้จะมีแบบอยู่แล้วก็ตาม
“ปลายปีนี้จะเห็นความชัดเจน จะเริ่มสำรวจพื้นที่ปลาย ก.ค.นี้ เพราะมีผลศึกษาโครงการเดิมของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่แล้ว ใช้เงินลงทุน 426,898 ล้านบาท สามารถนำมาทบทวนแบบรายละเอียดได้ คาดว่าจะเสร็จต้นปี’59 จากนั้นกลางปีเริ่มสร้าง ใช้เวลา 4 ปี หรือแล้วเสร็จปี’63”
ส่วนแนวเส้นทางอยู่ที่ญี่ปุ่นจะเลือก เนื่องจากรับผิดชอบด้านออกแบบรายละเอียด การสำรวจคาดว่าจะไม่เกิน 2 ครั้ง จะทราบแนวที่แท้จริง ซึ่งญี่ปุ่นเคยศึกษาเบื้องต้นไว้บ้างแล้วก่อนหน้านี้ ฝ่ายไทยก็มีผลศึกษาเดิมที่ สนข.ศึกษาไว้ ก็เตรียมแนวตามผลการศึกษาเดิมไว้ ที่จะเบี่ยงแนวใหม่ช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่จะตัดผ่านพื้นที่จังหวัดสุโขทัย
สำหรับการสำรวจพื้นที่จะแบ่งเป็นช่วง ๆ เหมือนรถไฟไทย-จีน จะแบ่งเป็น 2-3 ช่วง เช่น ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก, พิษณุโลก-อุตรดิตถ์ หรือพิษณุโลก-สุโขทัย-ลำปาง และช่วงลำปางเชียงใหม่ จะดูความยากง่ายของสภาพพื้นที่ด้วย เนื่องจากเกี่ยวกับเรื่องการทำรายงาน ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) หากต้องเสนอ ทำอีไอเอทั้งโครงการ อาจจะติดขัดทำให้โครงการล่าช้าได้ จะต้องแยกเป็นช่วง ๆ ไป เพื่อให้โครงการได้เริ่มต้น
พล.อ.อ.ประจินกล่าวอีกว่า ส่วนเส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง เชื่อมต่อท่าเรือทวายในอนาคตและเส้นทางกรุงเทพฯ-สระแก้ว เพื่อเชื่อมต่อไปยังเวียดนาม ระยะทางรวม 574 กิโลเมตร ทางญี่ปุ่นยังไม่มีระบุกำหนดกรอบเวลาที่จะก่อสร้าง ขึ้นอยู่กับความพร้อมของการศึกษาและสำรวจเส้นทาง จะเป็นรถไฟทางคู่ 1 เมตร หรือรางมาตรฐาน แต่จะพยายามให้ทันรัฐบาลชุดนี้
ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ