ถึงจะยังไม่ฟันธง จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตลิ่งชันมีนบุรี) ที่ “รฟม.-การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย” เตรียมสร้างเฟสแรก จะปักหมุดแนวเดิมที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรีหรือแนวใหม่จากสถานีพระราม 9-มีนบุรี ตามที่บอร์ด รฟม.ทุบโต๊ะ เพื่อลดการเวนคืนที่ดินช่วง “ดินแดงศูนย์วัฒนธรรม” ตามที่ชาวบ้านร้องขอ
หม่อมอุ๋ยเคาะ 10 มิ.ย.นี้
แต่ฟังถ้อยแถลง “บิ๊กจินพล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง” เจ้ากระทรวงคมนาคม ดูจะให้ น้ำหนักแนวเดิมเกินกว่าครึ่ง
“รฟม.เสนอแนวใหม่ให้กระทรวงพิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการ ซึ่งกระทรวงมีข้อเห็นแย้ง เนื่องจากแนวเดิมผ่านสภาพัฒน์ รายงานผล กระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ มีแนว พ.ร.ฎ.เวนคืน และบรรจุไว้ในแผนแม่บทรถไฟฟ้าแล้วเมื่อปี’53 ขณะที่แนวใหม่ต้องเริ่มนับหนึ่งตั้งแต่ขออนุมัติสภาพัฒน์ ซูเปอร์บอร์ด อีไอเอ ใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปีครึ่ง คงไม่ใช่ 2-3 เดือนอย่างที่ รฟม.เข้าใจแต่แรก จะทำให้การก่อสร้างไม่เป็นตามแผนที่กำหนดไว้” พล.อ.อ. ประจินกล่าวและว่า
วันที่ 10 มิ.ย.นี้ จะเสนอโครงการสายสีส้มทั้งแนวเดิมและแนวใหม่ให้คณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเป็นประธานพิจารณา เพื่อเร่งสรุปโครงการก่อนเสนอให้ ครม.อนุมัติ
“จะทำข้อมูลเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียแนวเดิมและแนวใหม่ให้ คจร.พิจารณา เพราะกระทรวงไม่สามารถตัดสินใจได้เอง ยังมีข้อข้องใจอยู่ ข้อมูลที่เสนอจะเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด ส่วนค่าก่อสร้างอยู่ที่ประมาณ 9.5 หมื่นล้านบาท แนวเดิมและแนวใหม่จะต่างกันกว่า 4 พันล้านบาท ตามความยากง่ายการก่อสร้าง”
ค่าก่อสร้างพุ่งกว่า 4 พันล้าน
สำหรับข้อแตกต่างทั้ง 2 แนว “บิ๊กจิน” ระบุว่า แนวใหม่ ราคาก่อสร้างโยธาแพงกว่าแนวเดิมเล็กน้อย ใช้ระยะเวลาก่อสร้างมากขึ้น เนื่องจากอยู่ในแนวที่มีโครงสร้างระบบสาธารณูปโภคหลักอยู่มาก รวมถึงจะต้องปรับเส้นทางการจราจรใหม่ระหว่างก่อสร้าง ส่วนผู้ถูกเวนคืนมี 184 รายเท่ากับแนวเดิม ขณะที่แนวเดิมการก่อสร้างจะยุ่งยากน้อยกว่าเล็กน้อย ช่วงถนนประชาสงเคราะห์ แต่ในอนาคตสถานีศูนย์วัฒนธรรมจะเป็นเซ็นเตอร์รถไฟฟ้า 2 สายคือ สีส้มและรถไฟฟ้าใต้ดินเดิม
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่สายสีส้มจะเดินหน้าก่อสร้างไปตามแนวเส้นทางเดิม มีระยะทาง 21 กม. เนื่องจากมีความพร้อมทุกอย่าง และสถานีศูนย์วัฒนธรรมถูกออกแบบไว้ให้ ต่อเชื่อมการเดินทางเชื่อมพื้นที่ตะวันออกและตะวันตก โดยแนวพาดผ่านศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 และเชื่อมกับโมโนเรลสายสีฟ้าช่วงดินแดง-สาทร
ส่วนแนวใหม่ยังต้องผ่านอีกหลาย ขั้นตอน ทำให้ก่อสร้างไม่ทันเวลารัฐบาล ชุดนี้ที่ต้องการจะสร้างผลงาน และแนวใหม่ จะคู่ขนานใกล้กับรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์และกลุ่มผู้ใช้บริการในพื้นที่ก็ใกล้เคียงกัน ถึงจะมีระยะทางสั้นลง เหลือ 20 กม. แต่การก่อสร้างที่ค่อนข้างยาก ทำให้ค่าก่อสร้างสายสีส้มเฟสแรกเพิ่มขึ้น 4,744 ล้านบาท (ดูตาราง)
พระราม 9-ศูนย์วัฒนฯชิงฮับธุรกิจ
ทั้งนี้หาก “คจร.” เคาะแนวใหม่ตามที่ รฟม.เสนอทำให้ “สถานีพระราม 9” เป็นทำเลทองและศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ขึ้นมาทันตาไม่ต่างจาก “สถานีสยามสแควร์” ที่เป็นจุดเชื่อมต่อบีทีเอสสายสุขุมวิท และสีลม
โดยจุดที่ตั้งสถานีจะอยู่ในพื้นที่ศูนย์กลาง ธุรกิจแห่งใหม่ “เดอะแกรนด์ พระราม 9” ของกลุ่มจีแลนด์ ที่ปัจจุบันมีการพัฒนาไปหลายโครงการ มีศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 9, คอนโดฯเบลล์แกรนด์ พระราม 9, ออฟฟิศให้เช่าเดอะไนน์ทาวเวอร์, อาคารสำนักงานกลุ่มยูนิลีเวอร์ ล่าสุดทุ่ม 1.8 หมื่นล้านบาทปั้นแลนด์มาร์ก ใหม่ “ซุปเปอร์ทาวเวอร์ 125 ชั้น” ตึกสูงที่สุดในอาเซียน
แหล่งข่าวจาก บมจ.แกรนด์ คาแนล แลนด์ (จีแลนด์) เปิดเผยว่า หากสาย สีส้มย้ายสถานีร่วมมาเป็นพระราม 9 จะอยู่ติดกับโครงการเดอะแกรนด์ฯ ของ จีแลนด์ จะส่งผลดีเพิ่มความคึกคักให้กับย่านพระราม 9 กลายเป็นนิวซีบีดีหรือย่านศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่เต็มรูปแบบ
ขณะที่ “สถานีศูนย์วัฒนธรรม” ก็คึกคักไม่ใช่น้อย นอกจาก “ศูนย์การค้า เอสพลานาด รัชดา” ของกลุ่มสยามฟิวเจอร์ ยังมีศูนย์การค้ารูปแบบไลฟ์สไตล์มอลล์ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ซื้อห้างโรบินสันรัชดามาปรับโฉมใหม่ด้วยวงเงิน 2,300 ล้านบาท เนรมิตเป็นศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ ภายใต้แบรนด์ “The Street” เตรียมจะอวดโฉม ต.ค.นี้
ส่วนรอบ ๆ สถานีรัศมี 500 เมตร ตรงข้ามโครงการ “ไซเบอร์เวิลด์ ทาวเวอร์” ของเจ้าสัวเจริญ เป็นอาคารสำนักงานให้เช่า, อาคารสำนักงานใหม่ของตลาดหลักทรัพย์ และสำนักงาน เอไอเอ จะเป็นศูนย์กลางของตลาดทุนและตลาดเงินแห่งใหม่
ด้านฝั่งแยกศูนย์วัฒนธรรมไล่ไปตามถนนเทียมร่วมมิตร มีโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบและแนวสูงที่ไปปักธงรอล่วงหน้า ไม่ว่าโครงการคอนโดมิเนียม “ศุภาลัย เวลลิงตัน” ของค่ายศุภาลัย, โครงการบ้านเดี่ยว “พาร์ค พรีวา รัชดา” ของค่ายนารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้
หาก “คจร.” ไฟเขียวแนวเดิม กว่ารถไฟฟ้าสายสีส้มจะเปิดบริการ คงจะได้เห็นการลงทุนอีกระลอกนับจากนี้
ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ