ธปท.เผยสภาพคล่องแบงก์พาณิชย์ในระบบเพิ่ม ผลจากปริมาณ สินเชื่อใหม่ลดลงมากกว่าการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินฝาก
คุมเข้มปล่อยกู้ภาคครัวเรือนต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล คาดมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ จะช่วยระบายที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท
นางรุ่ง มัลลิกะมาส ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจการเงิน สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า สินเชื่อโดยรวมซบเซาลงจากเดือนก่อนสินเชื่อโดยรวมขยายตัว 5.7% เหลือ 5.2%ล่าสุดในเดือนต.ค.58 เป็นการปรับตัวลดลงทั้งสินเชื่อครัวเรือนและภาคธุรกิจ โดยสินเชื่อภาคครัวเรือนแผ่วลง เพราะอยู่ในช่วงประชาชนรอดูความชัดเจนมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ทำให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยขยายตัวน้อยกว่าระดับปกติ ขณะที่ปริมาณสินเชื่อภาคธุรกิจขยายตัวน้อยผลจากธุรกิจหันออกหุ้นกู้หรือหาแหล่งเงินทุนช่องทางอื่นแทน บางธุรกิจนำเงินได้ช่องทางอื่นมาทดแทนสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ด้วย
รายงานเศรษฐกิจและการเงินล่าสุดในเดือน ต.ค. 58 ระบุว่า สินเชื่อโดยรวมขยายตัวในอัตราชะลอลง เนื่องจากการลดลงของปริมาณสินเชื่อใหม่เป็นหลักและเป็นการลดลงทั้งสินเชื่อครัวเรือนและภาคธุรกิจ จากเดือนก่อนอยู่ที่ 6.6% และ 4.5% ลดลงเหลือ 5.9% และ 4.1% ในเดือนนี้ตามลำดับ ทั้งนี้ ปริมาณสินเชื่อใหม่ที่ธนาคารพาณิชย์ให้แก่ภาคครัวเรือนลดลงต่อเนื่องจากการลดลงของสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลเป็นหลัก สะท้อนความระมัดระวังในการใช้จ่ายของครัวเรือน อีกทั้งสถาบันการเงินระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อด้วย
ด้านเงินฝากขยายตัวอยู่ที่ 6.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยปริมาณเงินฝากของภาคครัวเรือนเร่งขึ้นบ้างช่วยชดเชยปริมาณเงินฝากของภาคธุรกิจที่ขยายตัวชะลอลง อย่างไรก็ตาม ปริมาณเงินฝากใหม่ของธนาคารพาณิชย์โดยรวมยังอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งธนาคารพาณิชย์ส่วนหนึ่งยังปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากพิเศษระยะ 9 และ 12 เดือน พร้อมทั้งยกเลิกผลิตภัณฑ์ระยะ 8 เดือน สะท้อนให้เห็นว่าธนาคารยังไม่ค่อยมีความต้องการระดมเงินฝาก เพื่อไปขยายการปล่อยสินเชื่อ
ดังนั้น การปล่อยสินเชื่อใหม่ปรับลดลงมากกว่าการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินฝากส่งผลให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากรวมตั๋วแลกเงินของธนาคารพาณิชย์ปรับลดลงอยู่ที่ 96% จากเดือนก่อนอยู่ที่ 97.3%
มาตรการรัฐระบายที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 3 ล้าน
ในรายงานดังกล่าว ในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ผลของมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์คาดว่าในระยะสั้นจะช่วยกระตุ้นความต้องการของผู้ที่กำลังสนใจซื้อที่อยู่อาศัยให้เร่งซื้อและโอนกรรมสิทธิ์เร็วขึ้น และลดปริมาณที่อยู่อาศัยคงค้างในตลาดได้บ้าง โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 60%ของที่อยู่อาศัยเหลือขายทั้งหมดในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา