นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม จะยังไม่มีการลงนามกรอบความร่วมมือรถไฟไทยจีนเส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมาหนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด
ในการประชุมคณะกรรมการพัฒนารถไฟทางคู่ไทยจีนครั้งที่ 9 ในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ เนื่องจากทางการจีนได้ขอเปลี่ยนตัวบริษัทคู่สัญญา ที่จะซื้อยางพาราจากรัฐบาลไทย ขณะเดียวกันเปลี่ยนเงื่อนไขจะขอซื้อยางพาราใหม่เท่านั้นซึ่งขัดกับเงื่อนไขเดิมที่ตกลงกันไว้ว่าจะซื้อยางเก่า ดังนั้นหากเรื่องยางพารายังไม่ได้ข้อยุติ จะยังไม่มีการลงนามกับจีนเพิ่มเติม
“แม้ครม.จะได้อนุมัติแล้ว เพื่อให้คมนาคมลงนามกรอบความร่วมมือด้านรถไฟ วันที่ 3 ธ.ค.นี้ จากนั้นวันที่ 4 ธ.ค. จะลงนามเรื่องข้าว และยางพารา แต่ยางพารายังไม่มีคำตอบ ก็ได้แจ้งไปที่จีนแล้วว่าจะตกลงอย่างไรเพราะนอกจากจะเปลี่ยนคู่สัญญาแล้ว ยังมีเรื่องเงื่อนไขการซื้อยางที่จะไม่ซื้อยางเก่าแต่จะซื้อยางใหม่ในตลาดทั้งที่การเจรจาตั้งแต่ต้นจีนบอกว่าจะซื้อยางในโครงการมูลพันธ์กันชนของไทยดังนั้นทุกสัญญาก็ต้องเลื่อนไปก่อน โดยเรื่องยางพาราจะเป็นเรื่องของกระทรวงเกษตรส่วนข้าวเป็นของกระทรวงพาณิชย์”
สำหรับการเลื่อนลงนามออกไป เนื่อง จากรัฐบาลไทยกำหนดไว้แล้วว่า ไทยกับจีน จะต้องมีการลงนามความร่วมมือ 3 ฉบับไปพร้อม ๆ กัน แต่เมื่อยางพารามีปัญหา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีจึงให้นโยบายทุกหน่วยยุติการลงนามกับรัฐบาลจีนออกไปก่อน จนกว่าไทยและจีนจะได้ข้อสรุปเรื่องสัญญาขายยางพารา
นายอาคม กล่าวว่า ครม.มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วนปี 59 ซึ่งเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่เริ่มประกวดราคาตั้งแต่ปี 58-60 จำนวน 20 โครงการ วงเงินรวม 1.796 ล้านล้านบาท โดยกลุ่มแรกเป็นโครงการที่ครม.อนุมัติแล้ว และจะประกวดราคาได้ไตรมาสแรกปีงบ 59 (ต.ค.ธ.ค. 58) รวม 6 โครงการ วงเงิน 1.86 แสนล้านบาท ได้แก่ โครงการรถไฟทางคู่ ถนนจิระขอนแก่น ทางหลวงพิเศษพัทยา-มาบตาพุด ทางหลวงพิเศษบางปะอิน-โคราช
โครงการพัฒนาท่าเรือชายฝั่ง ท่าเทียบเรือเอ ที่ท่าเรือแหลมฉบัง โครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 1 และโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2
ส่วนกลุ่มสองโครงการที่เริ่มประกวดราคาได้ตั้งแต่ปี 59-60 อีก 14 โครงการ วงเงิน 1.610 ล้านล้านบาท ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่บ้านโป่ง กาญจนบุรี โครงการรถไฟทางคู่ขนาด 1 เมตร รวม 4 เส้นทาง คือมาบกะเบา-ถนน จิระ, นครปฐมหัวหิน, ประจวบฯชุมพร และลพบุรีปากน้ำโพ โครงการพัฒนาระบบรถไฟ ทางคู่ขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตร 4 เส้นทาง คือ เส้นทางหนองคาย-ขอนแก่น, โคราชแก่งคอย, ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา-มาบตาพุด เส้นทางกรุงเทพฯ-พิษณุโลก-เชียงใหม่ เส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง และโครงการพัฒนารถไฟฟ้าขนส่ง 5 เส้นทาง ประกอบด้วย สายสีส้ม, สายสีชมพู, สายสีเหลือง, สายสีแดงอ่อน และสายสีม่วง
“ทุกโครงการในแผนฉบับนี้ อยู่ในยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศระยะยาว 8 ปี ปี 58-65 ซึ่งกระทรวงฯได้พิจารณาแล้วว่าจะต้องทำได้ตามแผนงานที่กำหนดมี 3 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนการอนุมัติ การออกเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) หรือการเปิดประกวดราคา และขั้นตอนการทำสัญญาก่อสร้าง โดยคาดว่าเมื่อดำเนินการได้ตามแผนงานที่กำหนดจะช่วยให้จีดีพีเพิ่มขึ้น 1% ”
ส่วนความคืบหน้าการพัฒนารถไฟไทยญี่ปุ่นเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกตะวันตกตอนล่างก็มีความคืบหน้ามากเช่นกัน