ซีพีเล็งตั้งโรงงานอาหาร-แปรรูปสินค้าเกษตรใน นิคมฯเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ใช้เป็นสะพาน รุกประเทศอาเซียนทั้งหมด
ผู้ว่าการการนิคมฯพร้อมบริการเต็มที่กับทุกบริษัทที่มาลงทุน โดยกนอ.หวังติดท็อป 3 นิคมฯอาเซียน จากปัจจุบันอยู่อันดับ 8
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ว่าขณะนี้กลุ่มสหพัฒนพิบูล และกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) สนใจเข้าร่วมลงทุนกับนิคมอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน โดยกลุ่มสหพัฒน์มีแผนตั้งฐานการผลิตสินค้าอุปโภค บริโภคส่งออกไปยังตลาดเพื่อนบ้าน ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานเครื่องนุ่งห่มในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก พร้อมรองรับอยู่แล้ว
“ส่วนกลุ่มซีพีตั้งเป้าหมายตั้งฐานการผลิตสินค้า อาหาร สินค้าเกษตรแปรรูป รวมถึงอาหารสัตว์ ส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านเช่นกัน ซึ่งหลังจากนี้จะหารือ ในรายละเอียดถึงพื้นที่เป้าหมาย และแนวทางการลงทุนต่อไป”
นอกจากนี้ กนอ. อยู่ระหว่างประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มการให้บริการ ‘วันสต๊อปเซอร์วิส’ หรือศูนย์บริการเบ็ดเสร็จคอยอำนวยความสะดวกการออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ เช่น ความร่วมมือกับกรมศุลกากร จากเดิมที่มีความร่วมมือในการออกใบอนุญาตเรื่องที่ดิน อาคาร และการตั้งโรงงาน
ในส่วนของการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม กนอ. ศึกษาศักยภาพของนิคมอุตสาหกรรมในอาเซียน พบว่า นิคมอุตสาหกรรมของ กนอ. ที่มีอยู่ 11 แห่ง อยู่ในอันดับ 8 ของจำนวนนิคมทั้งหมดของอาเซียน โดยอันดับ 1.อมตะ 2.โรจนะ 3.เหมราช 4.นวนคร 5.ยะโฮร์ (มาเลเซีย) 6.จาลาเบก้า (อินโดนีเซีย) 7.คาเมเล (ฟิลิปปินส์) 8.กนอ. 9.บางปะอิน 10.มหาชัย แต่หากวัดภาพรวมทั้งประเทศ อันดับ 1 มาเลเซีย รองลงมาเป็นไทย
“สาเหตุหนึ่งที่ทำให้นิคมฯของ กนอ. อยู่ในอันดับ 8 เพราะเป็นนิคมที่ตั้งมานานแล้ว ทำให้โครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค และระบบบำบัดน้ำเสียงต่างๆ ค่อนข้างเก่า ดังนั้น กนอ. จึงมีแผนที่จะเร่งปรับปรุงนิคม 11 แห่งในทุกด้าน รวมทั้งการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และปรับปรุงอาคารสถานที่ให้ดีขึ้น โดยตั้งเป้าหมายปี 2559 จะขยับจากอันดับ 8 ขึ้นมาติด 1 ใน 3 ของนิคมฯที่ดีที่สุดของอาเซียนให้ได้”
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า รัฐบาลกำหนดเป้าหมายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 5 แห่ง ให้เหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละพื้นที่