“บิ๊กตู่” เตรียมออกคำสั่ง โอนที่รัฐให้ธนารักษ์ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน เพื่อตั้งนิคมปล่อยเช่าระยะยาวเอกชน มท.ชี้เป้ารวม 2 ระยะต้องใช้กว่า 5 หมื่นไร่ เปิดรายละเอียดที่ดินตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะแรก ทั้ง 6 พื้นที่ รวมเนื้อที่กว่า 2.48 หมื่นไร่ สกัดปัญหานายทุนโก่งราคาปั่นฟองสบู่ที่ดิน พร้อมไฟเขียว งบกลาง 2.6 พันล้าน ให้สนข.เร่งโครงสร้างพื้นฐาน เอกชนในพื้นที่ขอขยายสิทธิประโยชน์ถึงรายเก่าด้วย
จากนโยบายเร่งรัดการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ที่จะเกิดขึ้นปลายปี 2558 กำหนดให้จังหวัดตาก มุกดาหาร ตราด สระแก้ว สงขลา และขยับหนองคายจากระยะที่ 2 ขึ้นมาอยู่ในระยะที่ 1 ภายในปีงบประมาณ 2558 และระยะที่ 2 ที่จะดำเนินโครงการในปีงบประมาณ 2559 อีก 4 พื้นที่ประกอบด้วย เชียงราย นครพนม กาญจนบุรี นราธิวาส นั้น
โอนที่รัฐให้ธนารักษ์ปล่อยเช่า
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์เรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) มีมติเห็นชอบที่ดิน ที่คณะอนุกรรมการด้านที่ดินรัฐเพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่มีพล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) เป็นประธาน เสนอ ทั้งระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ซึ่งไม่ว่าจะเป็นที่ดินประเภทใด อาทิ ที่ดินเขตป่าเสื่อมโทรมของกรมป่าไม้ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่ดินสาธารณประโยชน์ที่กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแล ที่ดินส.ป.ก. ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฯลฯ นายกรัฐมนตรีจะประกาศคำสั่งให้ที่ดินแปลงดังกล่าว ตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษและนิคมอุตสาหกรรม พร้อมทั้งโอนให้อยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์ทั้งหมด ซึ่งอนาคตจะเป็นที่ราชพัสดุ ซึ่งจะอาศัยอำนาจของกรมธนารักษ์ กระ ทรวงการคลัง นำที่ดินแปลงดังกล่าวพัฒนาและให้เอกชนเช่าระยะยาวในราคาถูกต่อไป ทั้งนี้จะประกาศ ทั้ง 2 ระยะในคราวเดียวกัน
งัดที่รัฐ 2.48 หมื่นไร่เฟสแรก
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า สำหรับที่ดินที่ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ 6 จังหวัด ในระยะแรกรวบรวมได้เรียบร้อยแล้ว จำ นวน 2.487 หมื่นไร่ โดยเฉพาะที่ประชุมได้เห็นชอบพื้นที่ที่ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษและที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรม ใน 6 พื้นที่ที่จะนำที่ดินให้เอกชนเช่า ประกอบด้วย 1.เขตพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดตาก 1.485 หมื่นไร่ ซึ่งเป็นที่ป่าตามมติครม. อยู่ที่ตำบลท่าสายลวด ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด ซึ่งในจำนวนนี้กำหนดให้เป็นพื้นที่เขตพัฒนาเพื่อรองรับอุตสาหกรรมผลิตและแปรรูป จำนวน 2.639 พันไร่ เพื่อตั้งเป็นนิคมอุตสาหกรรม 2. เขตพัฒ นาเศรษฐกิจจังหวัดมุกดาหาร กำหนดให้เป็นพื้นที่พัฒนารองรับอุตสาหกรรมผลิต จำนวน 1.08 พันไร่ ตั้งอยู่ที่ตำบลดงบังอี่ ตำบลอาคำฮวน อำเภอเมือง
3. เขตพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดสระแก้ว เห็นชอบ 3 บริเวณ ให้เป็นพื้นที่พัฒนาเพื่อรองรับอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรฯ ประกอบด้วย หมู่ 8 บ้านป่าไร่ ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ เนื้อที่ 525 ไร่ หมู่ 2 บ้านหนองหมากบี้ ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ เนื้อที่ 679-2-88 ไร่ ซึ่งโซนนี้จะกำหนดให้เป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตร (อุตสาหกรรมสีเขียว) และหมู่ 1 บ้านโคก ตำบลป่าไร่ ต่อเนื่องหมู่ 4 ตำบลบ้านใหม่หนองไทร อำเภออรัญประเทศ จำนวน 1.365 พันไร่ เพื่อเป็นพื้นที่สำรอง ไว้รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมในอนาคต
4. เขตพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดสงขลา จำนวน 109 -1-20.3 ไร่ จำนวน 2 แปลง ตั้งอยู่ติดริมถนนกาญจนวนิช ตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา เดิมเป็นที่ดินเอกชนผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติด ปัจจุบันถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยึดทรัพย์โอนเป็นที่ดินที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์ โดยมีบางส่วนที่มีผู้ยื่นร้องคัดค้าน เนื้อที่ 10 ไร่ พื้นที่นี้กำหนดให้เป็นพื้นที่รองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมบริการ โลจิสติกส์ และพาณิชยกรรม 5. เขตพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดตราด เห็นชอบให้เป็นพื้นที่พัฒนาเพื่อรองรับอุตสาหกรรมบริการ โลจิสติกส์ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 5 บ้านห้วงบอน ตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ เนื้อที่ 740-1-41 ไร่
และ 6. เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดหนองคาย เห็นชอบ 5 บริเวณ จำนวน 4.149 พันไร่ กำหนดให้เป็นพื้นที่พัฒนารองรับโลจิสติกส์และอุตสาหกรรม ประกอบด้วยตำบลหนองกอมเกาะ อำเภอเมืองหนองคาย 2 แปลง คือ 219 ไร่และ 152 ไร่ ตำบลมีชัย อำเภอเมืองหนองคาย 100 ไร่ ตำบลโพนสว่าง อำเภอเมืองหนองคาย 2.96 พันไร่ ซึ่งพื้นที่นี้กำหนดให้เป็นพื้นที่อุตสาห กรรมหนองคาย และที่หมู่ 4 บ้านไชยา ตำบลสระใคร อำเภอสระใคร 718-0-35 ไร่ อย่างไรก็ดีขณะนี้กรมโยธาธิการฯได้ออกแบบวางผังพื้นที่เฉพาะเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษเพื่อใช้ประโยชน์ที่ดิน แต่ละจังหวัดไว้เรียบร้อยแล้ว (ติดตามเปิดรายละเอียดเรียงพื้นที่ หน้าเศรษฐกิจภูมิภาค ในฐานเศรษฐกิจฉบับหน้า)
ลุยเฟส2/บึงกาฬ-น่านรอลุ้น
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมกนพ.ยังมีมติเห็นชอบการกำหนดพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ระยะ 2 น่าจะประมาณไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นไร่ ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย ครอบ คลุมพื้นที่ 21 ตำบลใน 3 อำเภอคืออำเภอแม่สาย อำเภอเชียงแสน และอำเภอเชียงของ จังหวัดนราธิวาส 5 ตำบล ใน 5 อำเภอ คือ อำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอตากใบ อำเภอแว้ง อำเภอยี่งอ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนครพนม 13 ตำบล ใน 2 อำเภอ คืออำเภอเมือง และอำเภอท่าอุเทน ส่วนที่จังหวัดกาญจนบุรี 2 ตำบล อำเภอเมืองกาญจนบุรี ทั้งนี้จังหวัดหนองคาย จะถูกกำหนดให้พัฒนาทั้งระยะที่ 1 และระยะที่2 ซึ่งมีทั้งหมด 5 อำเภอ คือ เมืองหนองคาย อำเภอสระใคร อำเภอโพน พิสัย อำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่ โดย อำเภอเมืองและอำเภอสระใคร จะพัฒนาในระยะแรก ส่วนที่เหลือพัฒนาในระยะที่ 2 เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ ขนาดราง 1.435 เมตร ที่จีนสนใจลงทุน
ส่วนจังหวัดบึงกาฬและจังหวัดน่านที่เสนอตัวขอเข้ามาเป็นเขตเศรษฐ กิจพิเศษ ที่ประชุมยังไม่กำหนดว่าจะอยู่ในระยะที่เท่าใด แต่ที่ผ่านมา ที่ประชุมกนพ.เคยมีมติเห็นชอบ ให้เพิ่ม 2 จังหวัดนี้ เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษด้วยแล้ว
ลุยสะพานเมย2 -ด่าน
ด้านแหล่งข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์ แห่งที่ 2 วงเงิน 3.9 พันล้านบาท ซึ่งครม.มีมติอนุมัติงบกลางปี 2558 วงเงิน 2.6 พันล้านบาท ทยอยก่อสร้าง แบ่งเป็นช่วงในฝั่งเมียนมาร์ 1 พันล้านบาท โดยจะเริ่มเวนคืนและสามารถตอกเข็มได้ราวเดือนเมษายน 2558 นี้ นอกจากนี้จะเร่งรัดจัดซื้อที่ดินเพื่อขยายสนามบินแม่สอด รวมทั้งการลงทุนสร้างด่านถาวรเพิ่ม เช่นที่ตำบลป่าไร่ จะสร้างด่านถาวรเพิ่มอีก1 แห่ง ตามด้วยบ้านหนองเอี่ยน แต่ทั้งนี้ที่บ้านป่าไร่ที่ประชุมมอบให้กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ ไปเจรจากับกัมพูชาเรื่องพื้นที่ทับซ้อน
ขอสิทธิประโยชน์ผู้ลงทุนเก่า
นายประเสริฐ จึงกิจรุ่งโรจน์ เลขาธิการหอการค้าจังหวัดตากกล่าวว่า ในฐานะเอกชนในพื้นที่ ต้องการให้มองถึงสิทธิประโยชน์กับรายได้หลักที่สร้างความเติบโตให้แม่สอด จังหวัดตากนั้น คือการค้าชายแดน และเอสเอ็มอีในพื้นที่ โดยเฉพาะการให้สิทธิประโยชน์โดยการยกเว้นภาษี ทั้งน้ำ ไฟ สินค้า ฯลฯ ครอบคลุมคนในพื้นที่ที่เป็นนักลงทุนรายเก่าที่ลงทุนไว้แล้ว เช่น โรงแรม อพาร์ตเมนต์ การบริการต่างๆ ไม่เช่นนั้นแล้วหากให้สิทธิ์เฉพาะรายใหม่เท่ากับช่วยอุ้มนักลงทุนจากต่างถิ่น ที่สำคัญไม่ควรให้สิทธิประโยชน์กับโมเดิร์นเทรด เพราะเขามีศักยภาพอยู่แล้ว แต่ควรสนับสนุนกลุ่มผู้ค้าในพื้นที่จะเหมาะสมกว่า
ด้านนายสมพร สิริโปราณานนท์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา กล่าวว่า นับเป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลเร่งผลักดันให้เขตเศรษฐกิจพิเศษเกิด โดยจังหวัดได้เสนอที่ดินแปลงดังกล่าวไป ซึ่งมองว่ามีศักยภาพและเหมาะที่จะพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และส่วนหนึ่งพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยป้องกันการโก่งราคาที่ดินได้ นายประมวล เขียวขำ เลขาธิการหอการค้าจังหวัดสระแก้วกล่าวว่า มองว่าพื้นที่ตำบลป่าไร่มีความเหมาะสม ที่จะตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษและนิคมอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดีเรื่องสิทธิประโยชน์เท่าที่ทราบผลการประชุมกนพ.ยังไม่ชัดเจนเท่าใดนัก แต่ทั้งนี้โดยเบื้องลึกที่แท้จริง จังหวัดต้องการยกเลิกกฎอัยการศึกตามแนวชายแดน ที่มีมากว่า 20-30 ปี เพื่อจูงใจนักลงทุนต่างชาติให้เกิดความมั่นใจที่จะเข้ามาลงทุน อาทิ สิงคโปร์ ไต้หวัน จีน ฯลฯ
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ