โค้งสุดท้ายของปีนี้ บิ๊กค่ายอสังหาฯ ขยับแข้งขยับขากันสุดแรงเกิด เริ่มแผ่นดินทอง ไฟเขียวเพิ่มทุน เสริมแกร่งทางการเงิน พร้อมรุกคืบแนวราบ
ขณะที่ค่ายแสนสิริ มองโค้งสุดท้ายปีนี้ความต้องการที่อยู่อาศัยระดับราคา 3 ล้านบาทเพิ่ม หลังภาครัฐหลังออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ พร้อมเปิดตัวบ้านเดี่ยว 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,800 ล้านบาท ขณะที่ศุภาลัย เปิดตัวรีสอร์ท คอนโดฯ ใหม่ล่าสุด บนโค้งน้ำสวยที่สุดของแม่น้ำเจ้าพระยา
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ GOLD เปิดเผยว่า บริษัทได้มีแจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้เพิ่มทุนจำนวน 4,971 ล้านบาท โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่จำนวน 685.70 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ บริษัท เฟรเซอร์ พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (FPHT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ เฟรเซอร์ เซ็นเตอร์พอยท์ จำกัด ประเทศสิงคโปร์ ในราคาหุ้นละ 7.25 บาท ซึ่งจะทำให้ FPHT เข้ามาเป็น ผู้ถือหุ้นของ GOLD ในสัดส่วนประมาณ 29.51% โดยจะขออนุมัติผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทฯ จากผู้ถือหุ้น (Whitewash)
“บริษัท เฟรเซอร์ เซ็นเตอร์พอยท์ เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครอบคลุมทั้งประเภทที่อยู่อาศัย อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการท่องเที่ยวและบริการ และการบริหารสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง บริษัทดำเนินการพัฒนาและบริหารสินทรัพย์ครอบคลุม 77 ประเทศ ทั่วทั้งยุโรป ออสเตรเลีย เอเซีย และตะวันออกกลาง โดยบริษัท จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์ มีสินทรัพย์ รวมกว่า 582,000 ล้านบาท” นายธนพล กล่าว
ทั้งนี้ ภายหลังจากการเพิ่มทุน บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจากเดิม 7,780.59 ล้านบาท เป็น 11,037.67 ล้านบาท โดยการทำรายการครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯ มีเงินทุนในการสร้างความเติบโตทางธุรกิจ ทั้งการขยายโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายใน แนวราบ และโครงการพัฒนาอาคารสูงเชิงพาณิชย์
สำหรับการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ช่วยลดต้นทุนทางการเงินในระยะยาว และเพิ่มศักยภาพด้านการขยายการลงทุนในอนาคต ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้ และฐานะทางการเงินมั่นคงมากยิ่งขึ้น โดยสินทรัพย์รวมของบริษัทจะเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 21,584 ล้านบาท เป็น 26,500 ล้านบาทโดยประมาณ และจะมีสัดส่วนหนี้สิน ต่อทุน (D/E Ratio) ลดลงเหลือเพียง 1.09 เท่า (จากเดิม 1.79 เท่า)”
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทให้เข้าร่วมลงทุนในโครงการ สามย่าน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหัวมุมสี่แยกสามย่าน (ฝั่งตรงข้ามกับอาคารจัตุรัสจามจุรี) มีมูลค่าโครงการรวม 8,500 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนของเงินลงทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะเข้าลงทุนร่วมกับบริษัทในกลุ่มของ บริษัท ทิพย์พัฒน อาร์เขต จำกัด ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในสัดส่วนการลงทุน 49% หรือคิดเป็นเงินประมาณ 1,960 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทจะมีเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นขึ้น ในวันที่ 17 ธันวาคม 2558 เพื่อขออนุมัติการเข้าทำรายการดังกล่าวนี้
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3 ของปี 2558 นี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,016 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ของปี 2557 จำนวน 949 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 89 และมีรายได้รวมสำหรับงวด 9 เดือนของปี 2558 จำนวน 5,679 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวน 3,023 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 114 ทั้งนี้ ด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น ทำให้บริษัทฯ ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.05 บาท/หุ้น ซึ่งนับเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกในรอบ 7 ปี
ขณะที่นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการ ผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังถึงไตรมาส 4 ปี 2558 นี้ อุปสงค์ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบขยายตัวได้ดี เนื่องจากการเร่งลงทุนพัฒนาโครงการพื้นฐานของภาครัฐ และมาตรการ
อสังหาริมทรัพย์ที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของ ผู้บริโภคมากขึ้น จึงทำให้อุปสงค์แนวราบโดยรวมเพิ่มขึ้น 38% โดยอุปสงค์ บ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นจาก 5,548 ยูนิต มาอยู่ที่ 7,630 อยู่นิต เพิ่มขึ้นเป็น 2,082 ยูนิต และอุปสงค์ทาวน์เฮาส์ เพิ่มขึ้นจาก 8,686 ยูนิต มาอยู่ที่ 12,002 ยูนิต เพิ่มขึ้นเป็น 3,316 ยูนิต
“อัตราดูดซับของอุปสงค์แนวราบเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปได้รับความนิยม โดยกลุ่มลูกค้าคือ วัยเกษียณ กลุ่มคนทำงานที่ขยายครอบครัว และกลุ่มเจ้าของธุรกิจที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยและลงทุน นอกจากนี้บ้านเดี่ยวระดับราคา 3 ล้านบาทก็มีแนวโน้มอุปสงค์ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ในช่วงปลายปีนี้จนถึงกลางปี 2559 เนื่องด้วยปัจจัยบวกจาก มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการให้คนที่มี รายได้ปานกลางมีบ้านหลังแรก” นายเมธา กล่าว
อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวบ้านเดี่ยวในระดับราคา 3 ล้านบาท ใน 2 โครงการ รวมมูลค่า 2,800 ล้านบาท ได้แก่ “คณาสิริ วงแหวน-ลำลูกกา” มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยวที่โคราช ภายใต้แบรนด์ สราญสิริ ในชื่อโครงการ “สราญสิริ โคราช” มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในภาคอีสานหรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้บริษัทยังได้จัดมาตรการ เดอะกู๊ดไลฟ์ ให้ลูกค้าได้รับผลประโยชน์เพิ่มจากมาตรการอสังหาริมทรัพย์ของรัฐ มูลค่าสูงสุด 3 แสนบาท ตั้งแต่วันนี้จนถึง 28 เมษายน ปี 2559 อีกด้วย
ขณะที่ด้านนายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์คอนโดฯ ริมแม่น้ำ มาอย่างต่อเนื่อง “ศุภาลัย ริวา แกรนด์” จึงเป็นอีก 1 คอนโดฯ ริมแม่น้ำที่ดีที่สุดของศุภาลัย บนพื้นที่กว่า 11 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 6,800 ล้านบาท ทำเลโดดเด่นริมโค้งน้ำเจ้าพระยา รับทิวทัศน์ พื้นที่อนุรักษ์บางกระเจ้า ติดถนนพระราม 3 ศูนย์กลางธุรกิจ เชื่อมสู่ถนนสายธุรกิจสำคัญ ทั้งถนนสาทร สีลม สุขุมวิท และสะพานภูมิพล (ถนนวงแหวนอุตสาหกรรม) เดินทางสะดวกด้วยรถโดยสารด่วนพิเศษ BRT ที่สามารถเชื่อมต่อ BTS สถานีช่องนนทรี
โครงการ “ศุภาลัย ริวา แกรนด์” มีห้องชุดพักอาศัย จำนวน 706 ยูนิต ร้านค้า 14 ยูนิต รวม 720 ยูนิต การออกแบบยูนิตห้องพัก ให้สามารถเลือกสรรตามความพึงพอใจตั้งแต่ขนาด 1-4 ห้องนอน กับพื้นที่ใช้สอย 53.5-433 ตารางเมตร ราคา 3.8-44 ล้านบาท โดยกำหนดเปิดจองห้องชุดโครงการ “ศุภาลัย ริวา แกรนด์” ระหว่างวันที่ 16-22 พฤศจิกายน 2558 ณ เซ็นทรัลพลาซา พระราม 3 สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลโทร.1720 กด 70