ค้าชายแดนแม่สอดพุ่งไม่หยุด รัฐ-เอกชนมั่นใจครึ่งปีหลังทะลุแสนล้าน ปัจจัยบวกหนุน ถนนสายหลัก “เมียวดี-ก๊อกกะเร็ก” สร้างเสร็จ ร่นเวลาขนส่งสินค้า ขณะที่ผู้ว่าฯตาก “สมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ”
ขึ้นแท่นผู้บริหารเขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษคนแรก
ดร.เทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีนครแม่สอด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมการค้าชายแดนผ่านด่านศุลกากรแม่สอด จังหวัดตาก ปีงบประมาณ 2558 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการค้ากับเมียนมาร์ และการค้าชายแดนผ่านไปยังประเทศที่ 3 เช่น จีน อินเดีย ที่กำลังขยายตัวในทิศทางที่ดี หากมีการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่ดีจะทำให้การค้าชายแดนเติบโตแบบก้าวกระโดด
นอกจากนั้นยังมีปัจจัยสนับสนุนต่อการค้าชายแดนมาก คือ การจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตากได้เร็วขึ้น การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปลายปีนี้ และการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเมย แห่งที่ 2 ที่จะทำให้ระบบโลจิสติกส์รวดเร็วมากขึ้น
“ตากโมเดล” เขต ศก.พิเศษ
นายกเทศมนตรีนครแม่สอด ในฐานะที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้รัฐบาลได้แต่งตั้งให้ นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ทำหน้าที่ผู้บริหารเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตากเป็นคนแรกแล้ว ซึ่งจะมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแล/สั่งการหน่วยงานราชการในสังกัดกระทรวงต่าง ๆ ให้สามารถขับเคลื่อนโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตากเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อเป็นโมเดลแห่งแรกของประเทศไทย
ขณะที่ข้อมูลจากด่านศุลกากรแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก รายงานว่า ปีงบประมาณ 2555 การค้าชายแดนผ่านด่านแม่สอด มีมูลค่า 35,157 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2556 มีมูลค่า 43,977 ล้านบาท ปีงบประมาณ 2557 มีมูลค่า 63,780 ล้านบาท แยกเป็นส่งออก 60,261 ล้านบาท นำเข้า 3,519 ล้านบาท สินค้าส่งออก ที่ได้รับความนิยมมากสุด 10 ลำดับแรก ได้แก่เบียร์ โทรศัพท์พร้อมอุปกรณ์ น้ำมันเบนซินน้ำมันดีเซล ผ้าพิมพ์ฝ้าย โทรทัศน์น้ำมันพืช รองเท้าแตะฟองน้ำ กาแฟปรุงสำเร็จรูป และอาหารปรุงแต่งกลิ่นอื่น ๆสินค้านำเข้า 10 ลำดับแรก ได้แก่โค-กระบือมีชีวิต ถั่วลิสง แร่พลวง ถั่วเขียวผิวมัน สิ่งประดิษฐ์ทำด้วยไม้ พลวงออกไซด์ พริกแห้ง ปลาเบญจพรรณ หัวหอมใหญ่ และเมล็ดงา
ส่วนสถิติการค้าชายแดน 5 เดือนแรกปีงบประมาณ 2558 (1 ตุลาคม 2557-24 กุมภาพันธ์ 2558) มีมูลค่า 4,587 ล้านบาท ส่งออก 4,224 ล้านบาท นำเข้า 283 ล้านบาท สินค้าส่งออก 10 ลำดับแรก ได้แก่ โทรศัพท์พร้อมอุปกรณ์ เบียร์ น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล ผ้าพิมพ์ฝ้าย เครื่องจักรที่มีทั้งเครื่องเก็บและนวด ขนมปังกรอบ โทรทัศน์ รองเท้าแตะฟองน้ำ กาแฟปรุงสำเร็จรูป ด้านสินค้านำเข้า 10 ลำดับแรก ได้แก่ โค-กระบือมีชีวิต ถั่วลิสง สิ่งประดิษฐ์ทำด้วยไม้ พลวงออกไซด พริกแห้ง หัวหอมใหญ่ แร่พลวง อวนจับปลา รถจักรยานสภาพเก่าใช้แล้ว และปลาเบญจพรรณ
ถนนใหม่ “เมียวดี-ก๊อกกะเร็ก”
นายพงศ์ชัย ตันอรุณชัย รองเลขาธิการหอการค้าจังหวัดตาก เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่จะสนับสนุนการค้าชายแดนให้เติบโตทะลุ 1 แสนล้านบาท คือ การก่อสร้างถนนเส้นเมียวดี-ก๊อกกะเร็ก กำลังจะแล้วเสร็จกลางปีนี้ อยู่ระหว่างซ่อมแซม 45 กิโลเมตร และขยายถนนใหม่ 32 กิโลเมตรบริเวณเทือกเขาตะนาวศรี เพื่อให้รถบรรทุกสัญจรสะดวกรวดเร็วขึ้น ปัจจุบันทางลาดชัน เป็นหลุมเป็นบ่อ การสัญจรลำบาก ต้องกำหนดวันคู่-วันคี่ให้รถสัญจร เนื่องจากรถไม่สามารถวิ่งสวนทางกันได้
ทั้งนี้หากถนนแล้วเสร็จจะเอื้อต่อการค้าชายแดน ร่นระยะเวลาจากเมืองเมียวดีไปก๊อกกะเร็ก และเมืองผาอัน ใช้เวลาเพียง 45 นาที จากเดิม 3 ชั่วโมง อีกทั้งขนส่งสินค้าได้ 12 เดือน จากปัจจุบัน 6 เดือน
“ที่สำคัญคือจะสามารถส่งออกสินค้าไปยังกรุงย่างกุ้ง ระยะทาง 450 กิโลเมตร เมืองผาอัน 140 กิโลเมตร เมืองเมาะละแหม่ง 168 กิโลเมตร ซึ่งเป็นศูนย์กระจายสินค้าที่สำคัญของไทย และเชื่อมโยงไปยังอินเดียและจีน แนวโน้มสินค้ากลุ่มคอนซูเมอร์ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายมีโอกาสเติบโต เพราะประชากรเมียนมาร์กว่า 70 ล้านคนนิยมใช้สินค้าแบรนด์ไทย”
แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคงเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการที่จะเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดใช้ถนนเส้นทางเมียวดี-ก๊อกกะเร็ก กลางเดือนเมษายนนี้
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ