ในปี 2557 ที่ผ่านมา แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะหดตัวลงจากปี 2556 ประมาณ 16% หรือมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 2.9 แสนล้านบาท ลดลงจากปี 2556 ที่มีมูลค่าตลาด 3.4 แสนล้านบาท
แต่การแข่งขันในตลาดยังคงดุเดือดเข้มข้น สวนทางกับภาวะชะลอตัว โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ต้องการครองส่วนแบ่งตลาดและการเติบโตให้ได้ตามเป้าหมาย
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง การแข่งขัน คือ การช่วงชิงความเป็นหนึ่ง ในตลาดที่มีความหมายในด้าน ภาพลักษณ์ และผลทางจิตวิทยาต่อผู้ซื้อในทางอ้อม เพราะยอดขายและรายได้ที่ดีถือเป็นตัวสะท้อนประสิทธิภาพของบริษัท รวมความนิยมต่อตัวสินค้าที่นำเสนอให้กับ ผู้บริโภค ดังนั้นการแข่งขันในตลาดนอกจากจะหวังผลในแง่ผลประกอบการแล้ว จึงแอบแฝงไปด้วยการช่วงชิงการเป็นผู้นำตลาดอยู่ด้วยเสมอ
ในปีที่ผ่านมา บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มียอดขาย 5 อันดับแรก จากการสำรวจของฝ่ายวิจัยตลาด บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท ได้แก่ อันดับ 1 บริษัท พฤกษา อันดับ 2 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ อันดับ 3 เอพี (ไทยแลนด์) อันดับ 4 เป็น อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ และอันดับ 5 ได้แก่ ควอลิตี้เฮ้าส์
หากไล่ลงไปในที่อยู่อาศัยแต่ละประเภท พบว่า ในตลาดบ้านเดี่ยว อันดับ 1 เป็นของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และพฤกษา ข้ามไปอันดับ 3 เป็น ควอลิตี้เฮ้าส์ อันดับ 4 แสนสิริ และอันดับ 5 เอสซี แอสเสท ตลาดทาวน์เฮาส์ อันดับ 1 เป็นพฤกษา อันดับ 2 เอพี (ไทยแลนด์) อันดับ 3 ควอลิตี้เฮ้าส์ อันดับ 4 แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ อันดับ 5 แสนสิริ ตลาดคอนโดมิเนียม อันดับ 1 เป็น อนันดาฯ อันดับ 2 พฤกษา อันดับ 3 เอพี (ไทยแลนด์) อันดับ 4 มี 2 บริษัท คือ ศุภาลัย และแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
สำหรับในปี 2558 คาดว่า การแข่งขันจะยังคงรุนแรง จากแนวโน้มตลาดดีขึ้นโดยฝ่ายวิจัยของบริษัท พฤกษา ประเมินว่าตลาดหลักใน กทม. และปริมณฑลจะโตประมาณ 10% เป็น 3.2 แสนล้านบาท ขณะที่ผู้นำตลาดอย่าง พฤกษา เรียลเอสเตท มีเป้าหมายจะขึ้นเป็นผู้นำในทุกตลาดที่อยู่อาศัย ด้วยเป้า 1 แสนล้านบาท ในปี 2562
พฤกษามีฐานที่มั่นในตลาด ทาวน์เฮาส์ ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 32% ก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการรั้งอันดับหนึ่งในตลาดนี้ โดยมีแผนเปิดโครงการในปีนี้อีก 39-41 โครงการ และปล่อยให้ เอพี (ไทยแลนด์) ควอลิตี้เฮ้าส์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แสนสิริ ช่วงชิงอันดับที่เหลือกันเอง โดย เอพี มีโครงการทาวน์เฮาส์เปิดตัวเพิ่มในปีนี้มากถึง 9 โครงการ มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ขณะที่ควอลิตี้เฮ้าส์ก็มีแผนจะขยายฐานตลาดแนวราบที่แมสมากขึ้น ขณะที่ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีโครงการทาวน์เฮาส์เพิ่ม 2 โครงการ เช่นเดียวกับแสนสิริคงได้แค่ประคองตัวในตลาดทาวน์เฮาส์
สำหรับตลาดบ้านเดี่ยวเป็นตลาดที่ขับเคี่ยวกันระหว่างบิ๊กกับบิ๊ก เพราะส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมาระหว่าง แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กับ พฤกษา นั้นใกล้เคียงกันมาก ปีนี้ พฤกษา ใส่โครงการบ้านเดี่ยวเพิ่มอีก 21-22 โครงการ ขณะที่ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดเพิ่ม 12 โครงการ แต่ในเชิงมูลค่าแล้ว แลนด์ฯ น่าจะมีมากกว่า ซึ่งคงต้องลุ้นกันระหว่าง แบรนด์ที่แข็งแกร่งของแลนด์ฯ ในตลาดบ้านเดี่ยว กับการบุกตลาดในแนวกว้างของพฤกษา สุดท้ายใครจะเข้าวิน
ส่วนอันดับรองลงไป แสนสิริ ยังคงต้องใช้เวลาตั้งหลักใหม่ ที่ น่าสนใจคือ การเปิดตลาดแนวกว้างของเอสซี แอสเสท ที่จะลงมาสู่ตลาดบ้านแนวราบระดับกลางมากขึ้น เช่นเดียวกับ ควอลิตี้เฮ้าส์ นอกจากนี้ ในตลาดบ้านแนวราบยังมีศุภาลัยที่ยังคงมีฐานตลาดที่เข้มแข็งและปริมาณโครงการใหม่ที่จะเพิ่มในปีนี้ ทำให้สามารถสอดแทรกเข้ามาอยู่ในท็อปไฟว์ได้
มาที่ตลาดคอนโดมิเนียม แม้ว่าตลาดจะยังมีสัญญาณที่ยังไม่ดีนัก แต่ด้วยสายป่านของบริษัทรายใหญ่ เชื่อว่าจะยังคงมีการลงทุนอย่าง ต่อเนื่อง
ในปีที่ผ่านมา อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ โดดเด่นด้วยยอดขายอันดับ 1 ด้วยกลยุทธ์การเปิดโครงการเกาะติดแนวรถไฟฟ้าในหลายทำเลที่ได้รับผลตอบรับที่ดี ขณะที่ผู้เล่นรายใหญ่หลายรายกลับชะลอการเปิดโครงการใหม่เอาไว้ ทำให้อนันดาก้าวไกลถึงเบอร์หนึ่งในตลาด แต่ในปีนี้รายใหญ่ได้หวนกลับมาลงทุนในตลาดคอนโดกันอย่างพร้อมหน้า
ในปีนี้ อนันดาฯ เตรียมเปิดโครงการใหม่อีกเกือบ 10 โครงการ โดยยังคงยึดกลยุทธ์คอนโดใกล้สถานีรถไฟฟ้าเป็นจุดขายหลัก แต่นั่นอาจจะไม่เพียงพอกับการรักษาแชมป์ เมื่อ แสนสิริ หนึ่งในผู้ท้าชิงรายใหญ่มีแผนจะเปิดโครงการใหม่ 9-10 โครงการ หลังจากปีที่ผ่านมาต้องชะลอเปิดโครงการจากปัญหาการจัดทำรายงานผลกระทบ สิ่งแวดล้อมไปหลายโครงการ ขณะที่ พฤกษา ก็มีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 10-12 โครงการ เช่นเดียวกับ แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ ที่จะเปิดโครงการใหม่ 10-12 โครงการ ขณะที่ เอพี ก็มีแผนคอนโดใหม่อีกประมาณ 10 โครงการ โดยชูความเป็นเจ้าตลาดคอนโดแนวรถไฟฟ้าตัวจริง และยังมีศุภาลัยที่มีแผนจะเปิดตัวคอนโดอีกหลายโครงการเช่นกัน
หากมองในเชิงการแข่งขันเพื่อชิงการเป็นผู้นำตลาดทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ คอนโด จะร้อนระอุไม่แพ้กันแน่นอน