นักลงทุนพากันเข้าลงทุน ในอุตสาหกรรมโรงแรมญี่ปุ่น ในอัตราที่รวดเร็วสุด นับแต่ช่วงก่อนเกิดวิกฤติการเงินโลก โดยได้แรงหนุนจากผลตอบแทนสูง และการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่กำลังเฟื่องฟู
การลงทุนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจที่เพิ่มขึ้นเป็นวงกว้างต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่น ในช่วงเวลาที่นโยบายเศรษฐกิจต่างๆ ของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ได้ทำให้เงินเยนอ่อนค่าลง และเงื่อนไขการกู้ยืมผ่อนคลายลง ทั้งยังเป็นการเปิดกว้างศักยภาพของประเทศ ในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวด้วย
ข้อมูลจากเรียล แคปิตัล อะนาไลติคส์ อิงค์ บริษัทด้านการวิจัย และข้อมูลของสหรัฐ แสดงให้เห็นว่า เมื่อปีที่แล้ว การลงทุนในภาคโรงแรมญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 297,000 ล้านเยน สูงสุดนับแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ซึ่งแม้ตัวเลขนี้จะไม่ถึงครึ่งหนึ่งของเม็ดเงินการลงทุนโดยรวมในปีดังกล่าว แต่ก็สูงขึ้นร่วม 9 เท่า ของยอดรวมการลงทุนในช่วงหลังวิกฤติการเงิน ที่อยู่แค่เพียง 32,300 ล้านเยน ในปี 2552 บรรดาข้อตกลงที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ รวมถึง กรณี เบน แคปิตัล บริษัทด้านการลงทุนส่วนบุคคลของสหรัฐ ตัดสินใจเข้าซื้อกิจการโอเอโดะ ออนเซน โฮลดิ้งส์ ผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมญี่ปุ่น ที่มีโรงแรม และโรงอาบน้ำในเครือรวม 29 แห่ง ในวงเงิน 50,000 ล้านเยน
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวญี่ปุ่นขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2557 ญี่ปุ่นมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 13.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นเกือบ 1 ใน 3 จากปีก่อนหน้านั้น สถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เงินเยนอ่อนค่าลงมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า 2 ปี ประกอบกับการผ่อนคลายกฎการให้วีซ่า ที่ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นจุดหมายการเดินทางที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยรัฐบาลแดนอาทิตย์อุทัย ยังตั้งเป้าที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาถึง 20 ล้านคนภายในปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่กรุงโตเกียวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
เมื่อปีที่แล้ว ยอดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติในญี่ปุ่น ยังทะยานขึ้นถึง 40% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายมากกว่านักเดินทางจากประเทศอื่นๆ เดินทางมาท่องเที่ยวในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า
นายเฟร็ด ชมิดท์ หุ้นส่วนผู้ร่วมก่อตั้ง กรีนโอ๊ค อินเวสต์เมนท์ แมเนจเมนท์ ในกรุงโตเกียว กล่าวว่า การท่องเที่ยวกลายเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างมากของญี่ปุ่น โดยเมื่อเดือนมิ.ย.2557 บริษัทของนายชมิดท์ ได้เข้าซื้อกิจการโรงแรมเรอเนสซองซ์ โอกินาวา รีสอร์ท ขนาด 377 ห้องนอน และโรงแรมที่มีขนาดเล็กกว่าอีกแห่งหนึ่ง ที่เรียล แคปิตัล อะนาไลติคส์ ระบุว่า มีมูลค่ารวมกันอยู่ที่ราว 12,500 ล้านเยน แม้ญี่ปุ่นยังอยู่ห่างไกลจากสถานะการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่ร้อนแรงของโลก เพราะอุปสรรคในหลายด้าน รวมถึง เรื่องการใช้ภาษาอังกฤษ และการขนส่งสาธารณะที่ยังมีราคาค่อนข้างสูง
แต่นักลงทุนจำนวนมาก ก็ยังมองเห็นศักยภาพอย่างมากของการเข้าลงทุน รวมถึง ข้อเท็จจริงที่ว่า สินทรัพย์ด้านโรงแรมของญี่ปุ่น ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง โดยเมื่อปีที่แล้ว ผลตอบแทนจากการลงทุนในธุรกิจโรงแรมญี่ปุ่น อยู่ที่ราว 8.1% เทียบกับระดับ 7.1% ในสหรัฐ และ 6.1% ในสิงคโปร์
ขณะที่รายได้ต่อห้องพัก ซึ่งเป็นมาตรวัดผลประกอบการหลักของอุตสาหกรรมนี้ ก็ขยายตัวถึงปีละเกือบ 10% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มากกว่าในตลาดหลักอื่นๆ อย่าง สหรัฐ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และสิงคโปร์
ทางด้านนายอาเธอร์ บูเซอร์ กรรมการผู้จัดการภาคพื้นเอเชีย แปซิฟิก ของซีบีอาร์อี กรุ๊ป บริษัทนายหน้าด้านอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ และผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรม ชี้ว่า เงื่อนไขการให้สินเชื่อของธนาคารญี่ปุ่นที่ผ่อนคลายลงอย่างมาก เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยดึงดูดการเข้ามาลงทุน
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ