เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ชาวขอนแก่น อันประกอบด้วย องค์กรภาคประชาชน หน่วยงานการศึกษา หน่วยงานราชการ หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานเอกชน องค์กรสาธารณะประโยชน์ต่าง ๆ และภาคประชาสังคม ในนามสมัชชาสิ่งแวดล้อมจังหวัดขอนแก่น ได้ร่วมกันจัดงาน “ ตุ้มโฮม ฮักแพง แบ่งปัน เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีของคนขอนแก่น” โดยมีประชาชน นักเรียน นักศึกษา ทุกภาคส่วนเข้าร่วมงานกว่า 500 คน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นนายสมศักดิ์ จังตระกูล มาบรรยายพิเศษพร้อมรับหนังสือประกาศปฏิญญาสิ่งแวดล้อมขอนแก่น
นายวิรุณภพ สุภาพ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 10 กล่าวถึงสการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นว่า สถานการณ์น้ำโดยเฉพาะน้ำเน่าเสียน่าเป็นห่วงโดยเฉพาะน้ำในลำน้ำ ชี เซิน และพอง จะมีคุณภาพพอใช้ได้แต่เสื่อมโทรมในฤดูแล้ง ส่วนน้ำในลำห้วยเมืองขอนแก่น อย่างห้วยพระคือและห้วยโจด อยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมและเสื่อมโทรมมากอย่างต่อเนื่องทุกฤดู โดยเฉพาะในลำห้วยพระคือที่ต้องรับน้ำเสียจากเทศบาลนครขอนแก่นที่คุณภาพน้ำไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้
“โดยในจังหวัดขอนแก่นมีระบบบำบัดน้ำเสียเพียงสองแห่งคือที่ เทศบาลอุบลรัตน์และเทศบาลนครขอนแก่นรองรับน้ำเสียได้ 78,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือ 42 เปอร์เซ็นต์จากน้ำเสียทั้งหมด นอกจากนั้นยังมีปัญหาฝุ่นพิษที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปีโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ที่ฝุ่นเกิดจากการเผาไหม้เครื่องยนต์และการเผาอ้อย พร้อมกับโรงงานอุตสาหกรรม โดยการแก้ไขจังหวัดให้ปรับลดการเผาอ้อย พร้อมกับร่วมกันปลูกต้นไม้มากยิ่งขึ้น”นายวิรุณภพ กล่าว
ด้านนายชัยณรงค์ เศรษฐเชื้อ อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า ในจังหวัดขอนแก่นขณะนี้มีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ชาวขอนแก่นกังวลใจนั่นคือการก่อสร้าง “ไบโอฮับ” หรือ ศูนย์กลางอุตสาหกรรมชีวภาพที่รัฐบาลได้ประกาศจะใช้พื้นที่จังหวัดขอนแก่นบริเวณ อ.บ้านไผ่เป็นพื้นที่ทำไบโอฮับ โดยพื้นที่ดังกล่าวที่ผ่านมาชาวบ้านไม่ได้รับรู้ข้อมูลเรื่องการก่อสร้าง เรื่องการเข้ามาลงทุน แต่จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่าพื้นที่บริเวณนี้จะมีการผลักดันให้เป็น เขตเศรษฐกิจชีวภาพ โดยเชื่อมโยงถึงจังหวัดร้อยเอ็ดด้วย ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิของโลก และนอกจากนั้นยังมีแผนตั้งไบโอฮับที่จังหวัดอุบลราชธานีด้วยเช่นกัน
“รัฐบาลยังมีแผนผุดโรงงาน้ำตาลพ่วงโรงไฟฟ้าชีวมวลอีก 29 แห่งทั่วพื้นที่ ซึ่งต้องมีพื้นที่ปลูกอ้อยป้อนโรงงานอีก 3-4 แสนไร่ ซึ่งนั่นหมายถึงพื้นที่ป่า พื้นที่ปลูกข้าวจะลดลง จะส่งผลกับราคาข้าวจะสูงขึ้น พื้นที่ป่าจะลดลง ปัญหามลพิษ ปัญหาสิ่งแวดล้อมจะตามมา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงที่ประชาชนจะต้องตระหนักรู้และเฝ้าระวัง”นายชัยณรงค์ กล่าว
นอกจากนั้นในส่วนของประชาชนที่เฝ้าระวังเรื่องสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น อย่างนายดุสิต โนนเพีย ประธานกลุ่มฮักบ้านเกิด กล่าวว่า การเข้ามาของไบโอฮับเป็นการเข้ามาโดยที่ชาวบ้านไม่รู้เรื่องว่าคืออะไร รู้แต่เพียงตอนนี้มีการเคลื่อนไหวของโรงงานน้ำตาลแห่งหนึ่งที่เข้ามาในพื้นที่ มาทำกิจกรรม มาแจกอุปกรณ์กีฬา แต่พอชาวบ้านไปถามอำเภอ ถามผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่กลับตอบว่าไม่รู้เรื่องทั้งที่เพิ่งเห็นเจ้าหน้าที่ของโรงงานน้ำตาลดังกล่าวพาไปเลี้ยงข้าว พาไปแจกอุปกรณ์กีฬา พาไปเตะฟุตบอล ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากลุ่มทุนเข้ามามีบทบาทกับกลุ่มผู้บริหารท้องถิ่นแต่กลับปิดหูปิดตาประชาชน
“ชาวบ้านเมืองเพีย อ.บ้านไผ่ ซึ่งเป็นจุดที่จะมีการก่อตั้งโรงงานน้ำตาลซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานที่จะเข้ามาตั้งของไบโอฮับ หวาดกลัวว่าการเข้ามาของโรงงานจะแย่งน้ำ แย่งทรัพยากร เพราะขณะนี้อีสานแล้งเห็นได้ชัดว่าน้ำไม่พอใช้ หากมีโรงงานเข้ามาอีกก็จะมาแย่งน้ำจากลำน้ำชีที่ชาวบ้านเคยได้ใช้ เมื่อน้ำหายไปส่วนหนึ่งแล้วชาวบ้านจะอยู่อย่างไร โดยเฉพาะแก่งละว้าที่รองรับน้ำจากลำน้ำชี หากน้ำชีถูกกักเอาไว้เพื่ออุตสาหกรรมชาวบ้านที่หากินในแก่งละว้านับหมื่อชีวิตจะต้องเดือดร้อนแน่”นายดุสิต กล่าว
ในช่วงสุดท้ายของการจัดงานมีการกล่าวปฏิญญาของกลุ่มประชาชนในนามสมัชชาสิ่งแวดล้อมจังหวัดขอนแก่น เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน ปกป้องและร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อมของจังหวัด โดยระบุว่า สมัชชาสิ่งแวดล้อมจังหวัดขอนแก่น ได้มองเห็น กระแสการพัฒนา ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีทั้งเหตุปัจจัยที่ส่งผลดี และผลเสีย ต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสุขภาวะของประชาชน ทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว นโยบายรัฐบาล มุ่งพัฒนา เพื่อแก้ปัญหา ในภาพรวม ซึ่งอาจจะเป็นข้อจำกัด ในการทำงานในระดับพื้นที่
ภาคประชาชน และหน่วยงานต่าง ๆ ในจังหวัดขอนแก่น ขอเป็นส่วนผลักดัน ให้เกิดกลไก การดูแลทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม รวมถึง การบูรณาการความร่วมมือ เพื่อแก้ไขปัญหา ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เราจะดำเนินการร่วมกัน ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ คำนึงถึงผู้คนทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ คำนึงถึงผลกระทบในระยะสั้น และระยะยาว เพื่อให้คนในจังหวัดขอนแก่น มีสุขภาวะที่ดี ทั้ง กาย ใจ และปัญญา อย่างยั่งยืน