ชี้อสังหาฯ ครึ่งปีแรกขยายตัวดี หลังรับปัจจัยบวกนโยบายภาครัฐลงทุนโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ รัฐบาลเสถียรภาพสูง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้น ทิศทางราคาน้ำมัน-ดอกเบี้ยเอื้อประโยชน์ทั้งลูกค้าและผู้พัฒนาโครงการ
ห่วงครึ่งปีหลังหากเม็ดเงินอัดฉีดเศรษฐกิจผ่านโครงการภาครัฐยังไม่ถึงมือประชาชน ฉุดตลาดชะลอตัว “แสนสิริ” แจงอาจจะลดคอนโดฯ ส่วนแนวราบเน้นบ้านพร้อมอยู่บริหารสต๊อกคงมั่นใจยอดขาย-รับรู้รายได้แนวราบปีนี้ 13,000 ล้านบาท
นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งแรกของปี 58 นี้ ยังมีอัตราการขยายตัวจากปีที่ผ่านมาที่ดี เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายการลงทุนในโครงการระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ และการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านเครื่องมือต่างๆของภาครัฐ ประกอบกับความเชื่อต่อเสถียรภาพของรัฐบาลที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความเชื่อมั่นในของผู้บริโภคปรับตัวดีไปด้วย ขณะเดียวกันกำลังซื้อและการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผู้ประกอบการมีการขยายการลงทุนโครงการใหม่ๆต่อเนื่อง ส่งผลให้ ตลาดรวมยังขยายตัวในทิศทางที่ดี
“ช่วงเดือนแรกของปีนี้ ผู้บริโภคมีการตัดสินใจซื้อที่ดีอย่างเห็นได้ชัด โดยในเดือนม.ค.แสนสิริ สร้างยอดขายได้กว่า 800 ล้านบาท จากเป้า 600 ล้านบาท หรือมียอดขายสูงกว่าประมาณการ 30%”
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทจะประเมินว่าภาพรวมตลาดจะมีการขยายตัวในทิศทางที่ดี แต่ยังกังวลว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ตลาดรวมอาจจะเกิดภาวะชะลอตัวลงได้ เนื่องจากยังมีปัจจัยที่น่าห่วง ในเรื่องของเม็ดเงินในระบบที่รัฐบาลอัดฉีดผ่านโครงการขนาดใหญ่จะยังไม่กระจายตัวถึงมือกลุ่มผู้บริโภคในทันที ขณะเดียวกันปัญหาความผันผวนของเศรษฐกิจโลกจะเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ ซึ่งอาจมีผลต่อผู้บริโภค
ขณะที่ ต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ยังทรงตัวในขณะนี้ อาจมีการปรับตัวขึ้นได้หากเกิดการปรับตัวของราคาน้ำมัน ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อและราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงอย่างรวดเร็วจะทำให้ต้นทุนการพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการขยับขึ้น 5-7% และอาจมีผลต่อราคาบ้านในครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้ จากแนวโน้มดังกล่าว ทำให้บริษัทอาจจะปรับแผนการเปิดตัวโครงการคอนโดฯใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบยังคงเปิดตามแผนรวม 9 โครงการ มูลค่ารวม 15,436 ล้านบาท โดยในปีนี้ แบรนด์เศรษฐสิริยังคงเป็นสินค้าหลักในการทำตลาด อย่างไรก็ตาม ในอนาคตบริษัทจะ เพิ่มสัดส่วนแบรนด์คณาสิริซึ่งระดับราคาขายอยู่ที่ 3-5 ล้านบาทเข้ามาทำตลาดให้มากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ โดยในไตรมาสแรกบริษัทจะเปิด 3 โครงการแนวราบ แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 2 โครงการ และ 1 โครงการในจังหวัดพิษณุโลก
“ปีนี้แสนสิริมีแผนจะเปิดตัวโครงการทั้งสิ้น 17 โครงการ มูลค่ารวม 36,291 ล้านบาทแบ่งเป็นโครงการแนวราบ 9 โครงการมูลค่า 15,436 ล้านบาทและ โครงการคอนโดฯ 8 โครงการมูลค่ารวม 20,855 ล้านบาท ทั้งนี้ในส่วนของโครงการ แนวราบ แสนสิริ จะเน้นการพัฒนาบ้านพร้อมอยู่ในการทำตลาดเป็นหลัก เพราะมีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อต่ำเพียง 1-2% ขณะที่หากเป็นบ้านสั่งสร้างจะมีปัญหาในเรื่องการปฏิเสธสินเชื่อสูงกว่า 10%”
นอกจากนี้ บริษัทจะมุ่งมั่นบริหารสต๊อกบ้านในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับยอดขาย เพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง ในส่วนของผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะมียอดขาย 30,000 ล้านบาท เป้ารายได้คาดว่าจะอยู่ที่ 34,000 ล้านบาท มาจากกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบ 13,000 ล้านบาท จากคอนโดฯ 21,000 ล้านบาท