นายกฯ เป็นประธาน เปิดทดลองเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว แบริ่ง-สมุทรปราการ พร้อมเปิดให้ประชาชนทดลองใช้ฟรี 4 เดือน ถึง 15 เม.ย.62 อสังหาฯคึกคัก “เจ้าสัวเจริญ” จ่อ
เนรมิต100ไร่รับกำลังซื้อ “เอกชน” ชี้หนุนความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่ม อนาคตบางนาทำเลนิวซีบีดี เมกะโปรเจกต์เกิดเพียบ เปิดทุนใหญ่กว้านซื้อที่ดิน เผย “เจ้าสัวเจริญ” มีที่ดินกว่า 100 ไร่ในซ.ลาซาล จ่อพัฒนาโครงการรับราคาที่ดินพุ่ง
วานนี้ (6 ธ.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปเป็นประธานพิธีเปิดทดลองให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ณ โรงจอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสมุทรปราการ จากนั้นนายกรัฐมนตรี นำคณะผู้บริหาร ผู้แทนหน่วยงาน สื่อมวลชน โดยสารรถไฟฟ้าจากศูนย์ซ่อมบำรุง (Depot) ไปยังสถานีเคหะสมุทรปราการ สำหรับเส้นทางเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ เป็นโครงการรถไฟฟ้าแบบยกระดับตลอดเส้นทาง โดยเชื่อมต่อจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สถานีแบริ่ง ไปตามแนวเกาะกลางถนนสุขุมวิท จนถึงสิ้นสุดโครงการฯ บริเวณหน้าสถานีไฟฟ้าย่อยบางปิ้งครอบคลุมพื้นที่ 3 เทศบาลของจังหวัดสมุทรปราการ ระยะทาง 13 กิโลเมตร ประกอบด้วย 9 สถานี โดยเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการฟรี 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 6 ธ.ค.61 จนถึงวันที่ 15 เม.ย.62 (รายละเอียดอ่านต่อหน้า 4)
ด้าน นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายแบริ่ง –สมุทรปราการ จะทำให้ผลดีต่ออสังหาริมทรัพย์ในทำเลบางนา สมุทรปราการเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในแง่ของจิตวิทยาผู้ซื้อ จะทำให้เกิดความต้องการที่อยู่อาศัยในย่านนี้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งโดยปกติในย่านนี้อัตราการขายอยู่ในเกณฑ์ 60-70% ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับทำเลอื่นๆ
ส่วนระดับราคาคอนโดมิเนียมในทำเลบางนา แบริ่ง สมุทรปราการเฉลี่ยที่ 70,000-80,000 บาท/ตารางเมตร(ตร.มง) ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล ไม่แพงจนเกินไป ราคาดังกล่าวยังสามารถรองรับกลุ่มผู้ซื้อที่ซื้อคอนโดมิเนียมในเมืองที่ราคาปรับตัวขึ้นไปสูงมาก โดยในย่านอ่อนนุชราคาขึ้นไปถึง 150,000 บาท/ตร.ม. กลุ่มลูกค้าที่กำลังซื้อไปพอ หรือคิดว่าราคาสูงเกินไปก็จะมองหาห้องชุดที่อยู่ห่างเมืองออกมา แต่การเดินทางสะดวกแทน
“จากการเก็บข้อมูลของบริษัท หลังจากที่พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในย่านนี้มาแล้ว 6 โครงการ พบกว่ากลุ่มผู้ซื้อในย่านนี้ประมาณ 15-20% นิยมซื้อด้วยเงินสดไม่ขอสินเชื่อ อัตราการปฏิเสธสินเชื่อในย่านนี้อยู่ในเกณฑ์ต่ำประมาณ 10% เมื่อเทียบกับทำเลอื่นที่มีอัตราปฏิเสธสินเชื่อราว 30% สะท้อนให้เห็นกำลังซื้อของคนในย่านนี้ได้เป็นอย่างดี” นายธนากรกล่าว
นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มบริษัทภิรัชบุรี ผู้พัฒนาอาคารสำนักงานระดับไฮเอ็น ยังได้ซื้อที่ดินขนาด 60 ไร่ ในซอยลาซาล ซึ่งมีแผนที่จะพัฒนาเป็นอาคารสำนักงาน กว่า 10 อาคารพื้นที่ประมาณ 2,000 ตร.ม./อาคาร รวมถึงกลุ่มของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่ซื้อที่ดินแลนด์แบงก์ไว้กว่า 100 ไร่ในซ.ลาซาล ส่วนการลงทุนของบริษัทยังคงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาโครงการในย่านนี้อย่างต่อเนื่อง โดยได้ซื้อที่ดินเพื่อรองกับการพัฒนาในอนาคตไว้บางแล้ว ซึ่งการพัฒนาจะมีทั้งในย่านบางนา ลาซาล แบริ่งซึ่งเป็นทำเลที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ สลับกับการลงทุนพัฒนาโครงการทำเลในเมือง
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา