นายยุทธชัย เตยะราชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี เปิดเผยว่า ปีนี้ ธนาคารเน้นการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้กับตลาดแนวราบเป็นหลัก ทั้งบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์
เพราะใช้เวลาก่อสร้างเพียง 6-9 เดือน แตกต่างจากคอนโดมิเนียม ที่ต้องใช้เวลาเฉลี่ย 2 ปี และที่ผ่านมาผู้ประกอบการคอนโดฯ ได้ชะลอการเปิดโครงการ ส่วนหนึ่งเพราะเศรษฐกิจชะลอตัว อีกทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่มีประสบการณ์จากวิกฤติปี 40 จึงทำธุรกิจอย่างระมัดระวัง โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายเติบโตไว้ 15% จากที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์โต 8-10%
“คอนโดฯ มีปัญหาทิ้งใบจอง ส่วนใหญ่เกิดในต่างจังหวัด เพราะซื้อที่ดินใจกลางเมือง ราคาสูง และต้องการปิดการขายเร็ว ๆ จึงปล่อยจองราคาถูก เมื่อคนซื้อหวังเก็งกำไร และขายใบจองให้คนอื่นต่อไม่ได้ ก็ทิ้งใบจอง แต่ปัญหานี้ยังไม่ลุกลามเข้ามาในกรุงเทพฯ”
สำหรับการปล่อยสินเชื่อรายย่อยทั้งตลาดบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล ไม่เน้นมากนัก เนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ของธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) มียอดหนี้เอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น ทำให้ธนาคารระมัดระวังการให้สินเชื่อกลุ่มนี้มาก โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าสินเชื่อรายย่อยเติบโต 10-15% แต่ในระบบภาพรวมคาดว่าจะเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว
“หนี้เสียของสินเชื่อบุคคล และบัตรเครดิตของยูโอบี ต่ำกว่าตลาด 0.30-2.0% เนื่องจากเน้นลูกค้าที่มีคุณภาพ ทำให้หนี้ เสียต่ำ และติดตามลูกหนี้อย่างใกล้ชิด โดยปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่อคงค้าง 130,000 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้จากค่าธรรมเนียมเติบโต 20% โดยเฉพาะธุรกิจประกันเติบโต 20% จากปี 57 ที่มีเบี้ยประกัน 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นเบี้ยประกันชีวิตที่ให้ความคุ้มครองระยะกลาง 20 ปีขึ้นไป”