ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ประเมิน กม.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ผ่านลงมติ สนช. จะทำให้ระดับราคาที่ดินไม่เพิ่มขึ้น
หรือเพิ่มไม่มาก ช่วยให้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีต้นทุนที่ดินไม่แพงขึ้น ผู้ซื้อบ้านได้ซื้อบ้านราคาไม่แพงไปกว่าเดิม
วันนี้ (16 พ.ย.) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ได้ลงมติเป็นรายมาตรา ในร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่กรรมาธิการวิสามัญพิจารณา หลังวานนี้ (15 พ.ย.) ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง พิจารณารายมาตรา ในวาระ 2 โดยเนื้อหายังคงประเภทที่ดินที่ต้องเสียภาษีไว้ 4 รายการ แต่ลดอัตราการเสียภาษีลง ได้แก่ ที่ดินเพื่อการเกษตร ที่ดินที่อยู่อาศัย ที่ดินเพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม และที่ดินรกร้างว่างเปล่า โดยกำหนดอัตราไว้อย่างชัดเจน และสามารถนำเงินภาษีดังกล่าวไปใช้ในการพัฒนาท้องถิ่นได้โดยตรง ไม่ต้องนำเงินส่งคลัง มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการวันที่ 1 มกราคม ปี 2563
ทั้งนี้ จากการลงมติรายมาตรา ไม่มีการแก้ไขจากร่างเดิมของกรรมาธิการ และเมื่อลงมติรายมาตราในวาระ 2 เสร็จสิ้น ต่อด้วยการลงมติวาระ 3 ด้วยคะแนน 169 เสียง งดออกเสียง 2 เห็นชอบให้ประกาศใช้ร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายต่อไป
ในประเด็นดังกล่าว ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายกลยุทธ์ 2 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า เชื่อว่าผลจากภาระภาษีที่ดินที่จะเกิดขึ้นจะทำให้ผู้ที่ถือครองที่ดินว่างเปล่ามีแนวโน้มเริ่มที่จะพิจารณาที่จะนำที่ดินออกมาขายในตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อลดภาระเรื่องภาษีที่จะต้องเสียเพิ่มขึ้น และนับเป็นการช่วยเพิ่มปริมาณที่ดินขายเข้าสู่ในตลาด ส่งผลให้ระดับราคาที่ดินที่เคยปรับสูงขึ้นในช่วงปี 2560-2561 ที่ผ่านมา มีแนวโน้มไม่ปรับเพิ่มขึ้น หรือปรับเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนค่อนข้างมาก และอาจจะส่งผลต่อราคาที่อยู่อาศัยที่ไม่สูงเกินไป
สำหรับสถิติการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินในช่วงที่ผ่านมาปรับเพิ่มขึ้นเร็วมาก เช่น ราคาที่ดินในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 61 ปรับขึ้นร้อยละ 32.3 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 60 และแต่ละปีราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยพิจารณาได้จากในไตรมาส 4 ของปี 60 ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และไตรมาสแรกของปี 61 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15
ทั้งนี้ ในตัวกฎหมายได้กำหนดให้ใน 2 ปีแรกของการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตาม พ.ร.บ.นี้ ให้ใช้อัตราภาษีตามมูลของฐานภาษีตามที่มาตรา 90 บัญญัติ โดยยังคงแบ่งประเภทที่ดินเป็น 4 ประเภท คือ ที่ดินเพื่อการเกษตร หากมีมูลค่าเกิน 50 ล้านบาท ส่วนที่เกิน 50 ล้านบาท เสียภาษีในอัตรา 1 ล้านบาท ต่อ 100 บาท ยกเว้น 3 ปีแรกไม่ต้องเสียภาษี แต่นิติบุคคลรายใหญ่เริ่มจัดเก็บทันที และที่ดินมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี
ส่วนที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี มูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไป เสียภาษีในอัตรา 1 ล้านบาทต่อ 200 บาท โดยบ้านหลังที่ 2 ขึ้นไป ทุกๆ 1 ล้านบาท เสียภาษี 200 บาท ห้องเช่า/บ้านเช่า เจ้าของที่ดินเป็นผู้รับผิดชอบตามสัญญาที่ตกลง
ด้านที่ดินเพื่อการพาณิชย์-อุตสาหกรรม จัดเก็บอัตราขั้นบันได สูงสุดไม่เกิน 0.7% ของราคาประเมิน แต่โรงพยาบาล สนามกีฬา สนามกอล์ฟ สถานศึกษาเอกชน ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 90% ของราคาประเมิน
และที่ดินรกร้าง วางเปล่า เก็บในอัตราตั้งแต่ 0.3-3% ของราคาประเมิน และทุก 3 ปี ต้องเสียเพิ่ม 0.2-0.3% ต่อเนื่องไม่เกิน 27 ปี หรือจนกว่าจะมีการใช้ประโยชน์จากที่ดิน
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา