สัมภาษณ์
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา “เอพี (ไทยแลนด์)” ปรับเปลี่ยนองค์กรอย่างมาก ให้ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ คอนโด มิเนียม-ทาวน์โฮม-บ้านเดี่ยว ดำเนินงานมีความเป็นอิสระภายใต้พันธกิจสำคัญ “การส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดี (Quality of Life) ในการอยู่อาศัย ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการคิดค้นนวัตกรรมดีไซน์ใหม่ๆ ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย และวางแผนจัดตั้งหน่วยงานพิเศษ เพื่อทำหน้าที่ค้นหา คิดค้น และพัฒนานวัตกรรมที่ส่งเสริม และยกระดับ รูปแบบการดำเนินชีวิตสู่ประสบการณ์อยู่อาศัยในอสังหาริมทรัพย์สู่วิถีใหม่ๆ อย่างครบถ้วนด้วยคุณภาพ ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เข้าถึงความหมายของคำว่าคุณภาพชีวิตที่ลูกค้าต้องการอย่างแท้จริง และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
ปี 2561 นับเป็นปีแห่งความสำเร็จสูงสุดของบริษัท ได้ทั้งเงินและกล่อง โดยทางธุรกิจมีการเติบโตอย่างโดดเด่น ครึ่งปีแรกทำรายได้รวมสูงถึง 17,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า และกำไรเพิ่มขึ้น 72% อีกด้าน เอพี (ไทยแลนด์) เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยรายเดียวที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะรางวัล “The Asia Corporate Excellence & Sustainability Awards” (ACES) สาขา Asia’s Most Influential Companies บริษัทที่ทรงอิทธิพล ประจำปี 2561 จาก MORS องค์กรอิสระซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับภูมิภาค โดยครอบคลุมมิติทั้ง (1) การเติบโตทางธุรกิจที่โดดเด่น (2) การพัฒนาบุคลากร (3) การส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรม (4) แบรนด์ที่ครองใจลูกค้า และ (5) การดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างจริงจังและยั่งยืน
“จากความสำเร็จตั้งแต่ปี 2560 ในหลายมุม ต่อเนื่องมาถึงปีนี้ ถือเป็นการสานต่อความสำเร็จ ทั้งในด้านยอดขาย ยอดโอน รวมทั้งผลกำไร โดยยอดขายไตรมาส 3 หรือเดือนกันยายน 2561 บริษัทมียอดขายกว่า 30,700 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 33,000 ล้านบาท จนปรับเป้าใหม่เพิ่มเป็น 39,800 ล้านบาท หรือประมาณ 19% เป็นคอนโดมิเนียม 20,000 ล้านบาท และแนวราบอีก 19,800 ล้านบาท ถือเป็นเป้าหมายที่ท้าทายทีมงาน”
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้าง สรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวและเสริมว่า
“เอพีไม่มีการปรับเป้าหมายใหม่มานาน แต่ทีมก็ค่อนข้างมีความมั่นใจ ในกลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมปรับเป้าใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 29% จาก 15,500 ล้านบาท เป็น 20,000 ล้านบาท ณ เดือนกันยายนที่ผ่านมา ทำยอดขายได้ 15,080 ล้านบาท บวกกับเดือนตุลาคมนี้ เปิดตัวโครงการ ไลฟ์ อโศก ไฮด์ ปรากฏว่าทำยอดขายได้ 4,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ปี 2560 เอพีทำยอดขายโครงการไลฟ์ อโศก พระราม 9 ซึ่งเป็นโครงการที่ใหญ่สุดของบริษัทมี 2,200 ยูนิต เปิดขายทีเดียว 90% ส่วนปีนี้คอนโดมิเนียมแต่ละโครงการที่เปิด มีไม่ตํ่ากว่า 1,200 ยูนิตที่ต้องขาย ตามแผนจะเปิด 5 โครงการ มูลค่ารวม 25,400 ล้านบาท ปัจจุบันขายไปแล้วกว่า 3,000 ยูนิต
“เราเชื่อว่าทำเล (พระราม 9 ) ดีอยู่แล้ว บวกกับดีไซน์ ซึ่งไม่ได้ดีไซน์แค่ฟังก์ชันภายในห้องที่ดี แต่มีการดีไซน์สิ่งอำนวยความสะดวกให้อลังการ โดยที่สามารถควบคุมต้นทุนให้อยู่ในส่วนที่ทำคอนโดมิเนียมได้ด้วยการนำเทคโนโลยี AI BIM (Artificial Intelligence Building Information Modeling) เทคโนโลยีการออกแบบงานก่อสร้างอาคารสูงอัจฉริยะ 7 มิติ เป็นโนว์ฮาวที่เราสร้างขึ้นมา และคิดว่าทำได้ดียิ่งขึ้นในปีนี้ นี่คือเหตุผลที่เราเชื่อว่าคอนโดฯของเอพี สามารถไปได้ถึงเป้าหมาย 20,000 ล้านบาท ไม่ไกลเกินเอื้อม”
ด้านตลาดแนวราบ สร้างความต่างด้วยการออกแบบสินค้าที่ตอบความต้องการเฉพาะกลุ่ม ในปีนี้เอพีไม่หยุดนิ่งที่จะสร้างความแตกต่าง ทั้งด้านการดีไซน์ และฟังก์ชันการใช้งานภายในตัวบ้าน เพื่อตอบความต้องการที่เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันเอพีได้พัฒนาแบบบ้านมากกว่า 70 แบบ กระจายอยู่ตามโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ในทำเลต่างๆ และในปี 2561 นี้เอพีได้เปิดตัวแบบบ้านใหม่อีกจำนวนมาก ผ่านแผนการเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่ จำนวน 33 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 34,180 ล้านบาท โดยเป็นทาวน์โฮม 19 โครงการ มูลค่า 17,010 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 14 โครงการ มูลค่า 17,170 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมเครือเอพี ต้องเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวคนเมือง
พร้อมกันนี้เปิดตัวบ้านระดับ Super Luxury อย่างคฤหาสน์หรูแบรนด์ เดอะ พาลาซโซ่ (THE PALAZZO) กลับมาพัฒนาอีกครั้ง เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าระดับบน ที่มองหาที่อยู่อาศัยพรีเมียมในทำเลศักยภาพ โดยจะพร้อมเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้
“ปกติ เอพีเป็นเจ้าตลาดกลางถึงบน ระดับราคา 5-10 ล้านบาท แต่ปีนี้ในแง่ของแนวราบ ได้พัฒนาบ้านหรู เดอะ
พาลาซโซ่ เป็นโครงการที่ไม่ได้เปิดตัวมานาน 4 ปี เพราะวันนี้เราค่อนข้างมั่นใจในตลาดกลางถึงบนแล้ว หลังจากคอนโดมิเนียมหรู แบรนด์วิทโทริโอ้ ราคาห้องเริ่มต้น 30 ล้านบาท ประสบความสำเร็จทำยอดขายได้กว่า 90% จาก 88 ยูนิต เหลือเพียง 4 ยูนิตเท่านั้น คาดสามารถปิดการขายได้ในปีนี้”
หน้า 29-30 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับ 3,412 วันที่ 25-27 ตุลาคม 2561
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ