นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 2558 บริษัทได้วางแผนการดำเนินธุรกิจ ด้วยการขยายการพัฒนาโครงการสำหรับรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติประมาณ 17-19 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 32,000 ล้านบาท โดยแบ่งประเภทการพัฒนาโครงการเป็นที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมประมาณ 9-10 โครงการ และโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ประมาณ 7-9 โครงการ ตั้งเป้ายอดขายรวมสำหรับปี 2558 ไว้ประมาณ 30,000-32,000 ล้านบาท รวมทั้งประมาณการณ์เป้าหมายรายได้ไว้ที่ 35,000 ล้านบาท
“ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 บริษัทได้เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการแรกภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS มูลค่าโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท หลังจากที่ผ่านมา บริษัทได้จัดตั้ง บริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง วัน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง SIRI และ BTS ในสัดส่วน 50:50 โดยมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 100 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ จากความสำเร็จในการรุกขยายการพัฒนาโครงการในตลาดต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังได้เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งนับเป็นการขยายสู่ทำเลภาคเหนือตอนล่างเพื่อตอบรับกลุ่มลูกค้าแสนสิริให้ครอบคลุมอีกด้วย รวมทั้งบริษัทจะเดินหน้าตามแผนธุรกิจ Engineer for Growth อย่างต่อเนื่อง หลังจากแผนบางส่วนที่ได้ดำเนินการไปแล้วเริ่มเห็นผลสำเร็จอย่างรวดเร็วและชัดเจนจากอัตรากำไรในปีที่ผ่านมาที่เพิ่มสูงใกล้เคียงเป้าหมายที่ 12%” นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 บริษัทเชื่อว่าการดำเนินธุรกิจจะมีทิศทางที่ดีอย่างมากจากปัจจัยหนุนหลายประการ อาทิ แน้วโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2558 ที่คาดว่าจะขยายตัวเร่งขึ้นกว่าปี 2557 โดยประมาณการอัตราขยายตัว GDP อยู่ที่ร้อยละ 3.5-4.5 (สำนักฯ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, 2557) ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่จะช่วยกระตุ้นให้การผลิตในภาคเอกชนฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับเข้ามาในประเทศได้อีกครั้งรวมถึงราคาน้ำมันในตลาดโลกและในประเทศที่ลดลงอย่างต่อเนื่องที่จะส่งผลให้ประชาชนมีอำนาจในการซื้อสินค้าและบริการที่สูงขึ้นผู้ประกอบการก็จะแบกรับต้นทุนที่ลดลงเช่นกัน
“สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์จะได้รับผลที่ดีต่อเนื่องจากกำลังซื้อที่สูงขึ้นของอุปสงค์ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่จะสนับสนุนให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยขยายตัวอย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยในปี 2558 ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน และนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการลงทุนของภาคเอกชนที่ยังคงต้องจับตาเช่นเดียวกัน” นายเศรษฐา กล่าว