รบกันมายาวนานเป็นสิบ รัฐบาล ถ้ากฎหมายนี้เป็นมวยก็เรียกว่าแพ้น็อกมาตลอด คำถามโตๆ คือ ทำไมถึงแพ้ เพราะเกิดจากการสมยอมกันระหว่างการเมือง และประชาชน
ที่ผมกล่าวเช่นนี้เพราะหลายครั้งที่เรื่องนี้ถูกนำเสนอ
แต่ก็ไม่มีใครกล้าตอบสนองอย่างจริงจัง เพราะจะเป็นการทำลายฐานเสียงก็ดี คะแนนความนิยมก็ดี ในขณะที่ประชาชนเองก็ค้านหัวชนฝา เพราะไม่ต้องการเสียภาษี แล้วชาติจะพัฒนาไปอย่างไร กฎหมายหลายฉบับที่เรายัง
ก้มหน้าก้มตาใช้ไปแม้ว่าจะเก่าแก่ไม่สอดคล้องกับความเป็น
จริงในปัจจุบันก็ตาม ลองเปิดให้ลงทะเบียนว่า ประชาชนไทย
คนไหนไม่ต้องการเสียภาษีบ้าง ให้มาขึ้นทะเบียน รับรองความโกลาหลที่สุดในชาติจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่เราควรเรียนรู้ปัญหา และความบอบชํ้าจาก การพัฒนาของประเทศ (โดยเฉพาะด้านภาษีจากการถือครองอสังหาริมทรัพย์) ในด้านการจัดเก็บภาษีที่เราไปไม่ถึงไหน ในขณะที่นานาประเทศทั้งที่เคยมีสถานะทางเศรษฐกิจที่ดูจะล้าหลังกว่าเรา เขาพัฒนาไปในสิ่งที่ควรไปมากเพียงใด ซึ่งถึงเวลาหรือยังที่เราจะ “ใช้สติ และปัญญาตรึกตรอง โดยขจัดอารมณ์แห่งความเห็นแก่ตัวออกไปซะ”
ผู้ร่างพ.ร.บ.นี้ และผู้พิจารณาก็มิได้ยืนยันว่า ร่างนี้ถือว่าดี และเป็นที่สิ้นสุดแล้ว คณะ กมธ.มีการพิจารณา และ ศึกษาผลกระทบโดยคณะปัจจุบันกันมาแล้วกว่า 30 นัด (ไม่นับรวมถึง คณะอนุ กมธ.) และยังมีการขยายเวลาพิจารณาจากวันที่ 27 กันยายนนี้ ออกไปอีก 60 วัน เพื่อพิจารณาอย่างรอบด้าน ดังนั้นเราจึงควรช่วยกันพิจารณาอย่างมีสติ ปัญญา และ ไตร่ตรองอย่างมีหลักการ บนฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ยึดถือได้ แทนการนำเสนอชนิดเขาบอกมาว่า
หลักการพิจารณาด้วยสติ ตรึกตรอง 9 ประการ
1. มองหาปัญหาแห่งปฐมเหตุอย่างเป็นกลาง ทำไม ภาษีเดิม (ภาษีโรงเรือนและภาษีบำรุงท้องที่) จึงควรยกเลิก
2. มองให้เห็นสิ่งดีงามแล้วจึงถามหาสิ่งบกพร่องข้อดีของ ร่าง พ.ร.บ.ภาษีนี้มีส่วนดีอย่างไร เช่น กระจายรายได้ลงสู่ท้องถิ่น,ลด การฉ้อฉลเบียดบังประโยชน์ของชาติ, คอร์รัปชันจริงไหม
3. ศึกษาร่าง พ.ร.บ. นี้ด้วยตนเองอย่างตั้งใจ แล้วพิจารณาว่าประชาชนจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง และเสียประโยชน์ในเรื่องใด แทนการฟังจากผู้อื่น
4. ขาดซึ่งหลักธรรม และ ความเสมอภาคจริงหรือไม่?ด้วยข้อหาลอยลมว่า ร่าง พ.ร.บ.นี้อุ้มคนรวย ขูดรีดคนจน กดดันให้คนจนต้องขายที่ดิน ทรัพย์สินทิ้งจริงหรือไม่
5. คิดโจทย์ตนเองให้แตกก่อน คิดถึงเรื่องชาวบ้าน ทุกคนที่มีอสังหาริมทรัพย์ ควรศึกษาหน้าที่รับผิดชอบของตนตาม ร่าง พ.ร.บ.นี้แล้วลองคำนวณดูว่า ภาระในการชำระของตนนั้นเหมาะสมไหม เปรียบเทียบกับภาระที่ท่านชำระอยู่แต่เดิม ตามหลักการจัดเก็บ ณ ปัจจุบัน (กรณีที่ท่านเข้าหลักเกณฑ์ตามลักษณะภาษีแบบเดิม) ก่อนที่จะไปดูของผู้อื่น ถ้าไม่เหมาะสมให้ตั้งประเด็นทักท้วงมา
6. นำเสนอความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ทำประโยชน์ต่อส่วนรวมกรณีถ้าท่านเห็นว่าที่ดิน,สิ่งปลูกสร้างใด ควรได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในการบรรเทา หรือยกเว้นอันเนื่องมาจากมีเหตุอันควรได้รับความ ช่วยเหลือตามความคิดเห็น ของท่าน
7. ตีลังกาคิด มองกลับทางถ้าท่านต้องเป็นกรรมาธิการผู้พิจารณาออก พ.ร.บ.นี้โดยมีเป้าหมายคือการพัฒนาให้ดีกว่า ภาษีแบบเดิม ท่านจะสนับสนุนแนวคิดมาตราไหน และปรับปรุงมาตราไหนเพราะเหตุใด
8. แสดงความคิดเห็นตามสิทธิของท่านอย่างสร้างสรรค์ มีองค์กร หน่วยงาน ภาคส่วนต่างๆ ได้นำเสนอแนวคิด หลักการมายังหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องทำให้การพิจารณามีข้อมูลที่สามารถทำการศึกษาเพื่อพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมต่อไป
9. เราคนไทยต้องหายจากโรค panic disorder ทุกวันนี้คนไทยจำนวนมากเกินอาการหวาดวิตก กังวลจนเกินเหตุเห็นมดเป็นช้างแล้วขยายผลบอกต่อ ดูให้ชัด เห็นให้ชัวร์ ก่อนบอกไปทั่ว และวอนผู้ทำธุรกิจอย่าฉกฉวยโอกาสจากโรคดังกล่าวด้วยการเล่าเรื่องสยองขวัญ หลอกเจ้าของที่ดินว่า ถ้าไม่ขายรัฐยึดแน่ เพราะภาษีจะกินที่หมด คล้ายคนโบราณที่ชอบหลอกเด็กเรื่อง ถ้าดื้อตุ๊กแกจะมากินตับนะ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,300 วันที่ 28 – 30 กันยายน พ.ศ. 2560
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ