อุตสาหกรรมพรมไทย เปลี่ยนชื่อเป็น “ทีซีเอ็ม คอร์ ปอเรชั่น” พร้อมปรับโครงสร้างธุรกิจ รุก 3 กลุ่มธุรกิจปูพื้น ลิฟวิ่ง และออโตโมทีฟ ชูแบรนด์รอยัล ไทย รุกตลาดระดับโลก ในไทยเลิกแบรนด์ไทปิง หันใช้คาร์เปท อินเตอร์ ตั้งเป้าปีนี้ยอดขายสูงกว่า 7.4 พันล้าน
นายพิมล ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท อุตสาหกรรมพรมไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงการพลิกโฉมธุรกิจพรมไทยสู่แบรนด์อินเตอร์ระดับโลก หลังจากซื้อกิจการพรมบริษัทไทปิง คาร์เปท อินเตอร์เนชั่นแนลฯ บริษัทชั้นนำตลาดพรมเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง โดยใช้เงินลงทุนมากถึง 3.14 พันล้านบาท พร้อมกับเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก บริษัท อุตสาหกรรมพรมไทย จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TCMC รวมถึงปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ มุ่งเจาะตลาด 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย 1. กลุ่มธุรกิจวัสดุปูพื้น 2. กลุ่มธุรกิจลิฟวิ่ง และ 3. กลุ่มธุรกิจออโตโมทีฟ
โดยแบรนด์ที่จะใช้ในการทำตลาดมีแบรนด์ รอยัลไทย (Royal Thai) ในการรุกตลาดทั่วโลก และคาร์เปทอินเตอร์ (Carpets Inter) สำหรับตลาดในประเทศไทย ทั้งนี้จะเลิกใช้แบรนด์ไทปิง (Tai Ping) ที่ถือลิขสิทธิ์ในประเทศไทยมาตลอดระยะเวลา 50 ปี
“การลงทุนครั้งนี้แม้ต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมาก แต่ถือว่าเป็นการเข้าลงทุนในกิจการที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ มีความเกื้อหนุนเป็นประโยชน์กับธุรกิจปัจจุบันอย่างมาก โดยผลิตภัณฑ์พรมที่บริษัทซื้อกิจการมาในครั้งนี้ประกอบไปด้วยพรมแอ็กซ์มินสเตอร์ (Axminster) เจาะตลาดบน, พรมทอเครื่อง (Broadloom Tufted) และพรมทอมือ จะเข้ามาเสริมทัพความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้กับบริษัทที่มีธุรกิจหลักคือผลิตและจำหน่ายพรม”
อีกทั้งยังมีในส่วนของธุรกิจผ้าหุ้มเบาะและพรมสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ และเฟอร์นิเจอร์ที่ได้ซื้อกิจการมาก่อนหน้านี้ เพื่อจำหน่ายให้ลูกค้าโครงการใหญ่ๆ อาทิ โรงแรมชั้นนำ กาสิโน หอประชุม และเรือสำราญขนาดใหญ่ ส่วนผลิตภัณฑ์พรมแผ่นสำหรับลูกค้าอาคารสำนักงาน
นายพิมลกล่าวอีกว่าปัจจุบันภาพรวมตลาดพรมเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดต่างประเทศ แต่ในประเทศ ไทยยังถือว่าทรงตัว โดยเฉพาะพรมแอ็กซ์มินสเตอร์ของบริษัทมีรายได้รวมประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากรวมทั้ง 2 บริษัทแล้วจะมีสัดส่วนประมาณ 25-27% แต่หากแยกออกมาเป็นเฉพาะวัสดุปูพื้นคงตอบยากเพราะมีหลากหลายประเภท ตลาดคู่แข่งยังคงต้องแข่งขันในระนาบเดียวกัน นำเข้าจากจีนยังมีส่วนน้อย ปัจจุบันพรมแอ็กซ์มินสเตอร์ยังครองอันดับ 1 ที่มีกำลังการผลิตปัจจุบันรวม 1.5 ล้านตารางเมตรต่อปี อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการได้รับงานในสนามบินฮ่องกง ดังนั้นบริษัทต้องการที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์รอยัลไทยให้เป็นที่ยอมรับและรู้จักกันทั่วโลกที่ทุกคนยอมรับในคุณภาพที่เป็นเลิศ การออกแบบ และความหลากหลาย โดยมีแผนจะขยายฐานลูกค้าและช่องทางการจัดจำหน่ายให้มากขึ้น บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมจึงช่วยเสริมประสิทธิภาพ ทำให้ธุรกิจมีต้นทุนต่อหน่วยลดลงจากการขยายการผลิตมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะมีการลงทุนด้านระบบไอทีในครั้งนี้อีกหลายร้อยล้านบาท
ทั้งนี้ TCMC จะสามารถนำรายได้ของบริษัทใหม่รายงานเข้าพอร์ตภายในไตรมาสที่ 4 ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทปีนี้สูงกว่า 7.4 พันล้านบาท และในปีหน้าคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มกว่า 30% หรือคิดเป็นมูลค่าราว 1 หมื่นล้านบาทซึ่งเป็นยอดจากรายได้จากการเข้าซื้อธุรกิจในครั้งนี้ ผนวกกับรายได้ของบริษัทและบริษัทลูกที่ได้เข้าซื้อธุรกิจช่วง 3 ปีที่ผ่านมา คือบริษัท ที.ซี.เอซ ซูมิโนเอะฯ ผู้ผลิตที่ทำธุรกิจผ้า หุ้มเบาะและพรมในรถยนต์ รวมถึง อัลสตันส์ และ บริษัท ดีเอ็มเอ็มฯ ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ในประเทศอังกฤษ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,299 วันที่ 24 – 27 กันยายน พ.ศ. 2560
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ