สถานการณ์ “น้ำท่วม” ในหลายพื้นที่ยังไม่คลี่คลาย โดยเฉพาะในหลายจังหวัดของ“ภาคอีสาน” ที่มวลน้ำจากลำน้ำต่างๆได้เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือน และพื้นที่การเกษตร บางจังหวัด เช่น จ.ยโสธร และร้อยเอ็ด เป็นต้น ต้องประกาศสั่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่เสี่ยง รวมถึงยังมี “คำเตือน” ให้เฝ้าระวังระดับน้ำใน “9 ลุ่มน้ำ” ที่เข้าสู่ภาวะ “วิกฤติ” ส่วนที่ จ.สกลนคร สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย โดยภายในเวลา 21.00 น.คืนวันนี้(31 ก.ค.60) คาดว่าจะเปิดใช้สนามบินได้
เช็กด่วน!9ลุ่มน้ำยังวิกฤติ
31 ก.ค.60 นายกอบชัย บุญอรณะ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดสถานการณ์น้ำของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ พบว่า มีพื้นที่ 9 ลุ่มน้ำอยู่ในเกณฑ์วิกฤต ที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือปริมาณน้ำขึ้นสูงจากน้ำในพื้นที่ต้นน้ำไหลมาสมทบ ได้แก่ 1.ห้วยน้ำก่ำ อ.นาแก และ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม 2.ห้วยน้ำยาม อ.สว่างแดนดิน , อ.วานรนิวาส และ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร
3.แม่น้ำอูน อ.วาริชภูมิ , อ.พังโคน , อ.พรรณานิคม , อ.นาหว้า , อ.นิคมน้ำอูน จ.สกลนคร และ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม 4.แม่น้ำสงคราม อ.บ้านม่วง , อ.สว่างแดนดิน , อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร และ อ.ศรีสงคราม , อ.เมือง , อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม 5.แม่น้ำชี อ.โกสุมพิสัย , อ.กันทรวิชัย , อ.เมือง จ.มหาสารคาม และ อ.เชียงขวัญ , อ.ธวัชบุรี , อ.ทุ่งเขาหลวง , อ.อาจสามารถ , อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และ อ.เมืองยโสธร , อ.พนมไพร , อ.มหาชนะชัย , อ.ค้อวัง จ.ยโสธร
“มูล-ป่าสัก-เจ้าพระยา”ต้องระวัง
6.แม่น้ำมูล อ.ป่าติ้ว , อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร และ อ.กันตรารมย์ จ.ศรีสะเกษ 7.ลำเชบาย อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี 8.แม่น้ำป่าสัก อ.หนองไผ่ , อ.บึงสามพัน , อ.วิเชียรบุรี , อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ และ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี และ 9.แม่น้ำเจ้าพระยา อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา
นายกอบชัย กล่าวด้วยว่า จากการคาดการณ์สภาพอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่า ช่วง 3 วันล่วงหน้า คือ วันที่ 1-3 ส.ค.นี้ ทุกภาคของประเทศไทยมีฝนลดลง ยกเว้นภาคใต้ แต่ยังมีพื้นที่เฝ้าระวัง อาจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน เช่น ภาคเหนือ จ.สุโขทัย , พิจิตร , พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.หนองคาย , บึงกาฬ , อุดรธานี , อุบลราชธานี และสกลนคร ภาคตะวันออก จ.จันทบุรี และตราด และภาคใต้ จ.ระนอง , พังงา , ภูเก็ต และกระบี่
สั่ง4จว.รับมือน้ำ“เขื่อนลำปาว”
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ(บกปภ.ช.) กล่าวว่า ปภ. ได้ร่วมกับกรมชลประทาน วิเคราะห์และติดตามสถานการณ์น้ำ พบว่า มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนลำปาวจำนวนมาก ทำให้ต้องเพิ่มการระบายน้ำออกจากเขื่อนลำปาว ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่บริเวณท้ายเขื่อนลำปาวใน 4 จังหวัด ประกอบด้วย 1.กาฬสินธุ์ ได้แก่ อ.เมืองกาฬสินธุ์ อ.ยางตลาด อ.กมลาไสย อ.ฆ้องชัย และ อ.ร่องคำ
2.ร้อยเอ็ด ได้แก่ อ.เชียงขวัญ อ.ธวัชบุรี อ.ทุ่งเขาหลวง อ.อาจสามารถ อ.พนมไพร อ.จังหาร และ อ.เสลภูมิ 3.ยโสธร ได้แก่ อ.เมืองยโสธร อ.คำเขื่อนแก้ว อ.มหาชนะชัย และ อ.ค้อวัง 4.อุบลราชธานี ได้แก่ อ.เมืองอุบลราชธานี อ.เขื่องใน อ.วารินชำราบ และ อ.สว่างวีระวงศ์ ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ ปภ.ประสาน 4 จังหวัดดังกล่าว เตรียมพร้อมรับระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น
มวลน้ำ“ลำปาว”เอ่อท่วมกาฬสินธุ์
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ เริ่มที่ จ.กาฬสินธุ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนาบ้านดอนสะนวน ต.หลุบ อ.เมืองกาฬสินธุ์ เฝ้าติดตามปริมาณน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น จากผลการระบายน้ำของเขื่อนลำปาว ซึ่งเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้ระบายน้ำวันละ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) เพียงข้ามคืนปริมาณน้ำดังกล่าวได้เริ่มเอ่อล้นไหลเข้าท่วมพื้นที่นาข้าวเป็นบริเวณกว้าง และไหลเข้าบ้านเรือนประชาชนบริเวณริมตลิ่งในเขื่อนน้ำปาว และมีรายงานว่าเฉพาะในเขต อ.เมืองกาฬสินธุ์ มีนาข้าวถูกน้ำท่วมแล้วกว่า 30,000 ไร่
คืนเดียวเสียหายนับแสนไร่
ขณะที่ทางเดินของน้ำในลำน้ำปาว ยังไหลผ่านเข้า อ.กมลาไสย อ.ฆ้องชัย และ อ.ร่องคำ โดยมวลน้ำได้เอ่อล้นเข้าท่วมนาข้าวของประชาชนเพิ่มขึ้นอีก 20,000 ไร่
เบื้องต้น ทางจังหวัดรายงานว่าเมื่อคืนที่ผ่านมามีพื้นที่นาข้าว พืชไร่ พืชสวน บ่อปลา ถูกน้ำท่วมกว่า 140,000 ไร่ ใน 15 อำเภอ 84 ตำบล 747 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเกือบ 20,000 ครัวเรือน ซึ่งจังหวัดได้ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติน้ำท่วมแล้ว 11 อำเภอ
ร้อยเอ็ดสั่งอพยพ!2ตำบลในเสลภูมิ
ที่ จ.ร้อยเอ็ด นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัด(ผวจ.) ร้อยเอ็ด ได้สั่งอพยพประชาชนในพื้นที่ ต.วังหลวง และ ต.นาแซง อ.เสลภูมิ เนื่องจากอิทธิพลของพายุเซินกา ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากใน จ.ร้อยเอ็ด ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค.2560 ทำให้เกิดน้ำท่วมขังและน้ำป่าไหลหลากบริเวณพื้นที่ อ.เสลภูมิ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำยัง ส่งผลให้บ้านเรือนราษฎรใน 2 ตำบลดังกล่าวได้รับความเสียหาย ต้องอพยพไปอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ลำน้ำใน“ยโสธร”สูงต่อเนื่อง
ที่ จ.ยโสธร จากสถานการณ์พายุเซินกาที่เข้าปกคลุมพื้นที่ระหว่างวันที่ 25-28 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้มีปริมาณฝนตกหนักและหนักมากในหลายพื้นที่ ระดับน้ำในลำน้ำสำคัญที่ไหลผ่าน จ.ยโสธร เช่น แม่น้ำชี ซึ่งระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่ง แต่เมื่อน้ำจาก จ.ขอนแก่น และร้อยเอ็ด ระบายลงมาคาดว่าจะถึง จ.ยโสธร ในอีก 2-3 วันข้างหน้านี้
ส่วนลำน้ำยัง ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง และยังคงรับน้ำจาก อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด อย่างต่อเนื่อง โดยลำน้ำยัง จะไหลลงแม่น้ำชี ที่บ้านค้อเหนือ อ.เมืองยโสธร ด้านห้วยโพง ซึ่งด้านบนเป็นอ่างเก็บน้ำห้วยโพงตอนบน ได้ระบายน้ำลงด้านล่าง ทำให้มีน้ำเอ่อท่วมตามเส้นทางที่น้ำไหลผ่าน และลำเซบาย ยังมีระดับน้ำสูงอย่างต่อเนื่อง และถือเป็นลำน้ำที่ประสบปัญหามากที่สุดของ จ.ยโสธร โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.เชียงเพ็ง และ ต.โพธิ์ไทร อ.ป่าติ้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่ม เป็นแอ่งรับน้ำเกิดอุทกภัยเป็นประจำทุกปี
ประกาศ2อำเภอเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ
ในภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วม จ.ยโสธร ได้รับผลกระทบในพื้นที่ อ.เมือง ป่าติ้ว เลิงนกทา ไทยเจริญ กุดชุม คำเขื่อนแก้ว และทรายมูล ส่วนที่ อ.มหาชนะชัย และค้อวัง ได้รับผลกระทบเล็กน้อย รวมได้รับผลกระทบใน 8 อำเภอ 49 ตำบล 352 หมู่บ้าน 15,809 ครัวเรือน มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ประมาณ 113,218 ไร่ คาดว่าจะมีพื้นที่เสียหาย 97,000 ไร่
ด้าน นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม ผวจ.ยโสธร ได้ประกาศให้ อ.ป่าติ้ว และ อ.คำเขื่อนแก้ว เป็นพื้นที่ประสบอุทกภัยแล้ว หลังจากเผชิญปัญหาน้ำท่วมนานกว่า 2 สัปดาห์ จากฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง และปริมาณน้ำเหนือที่ไหลมาสมทบ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำในแม่น้ำชี แม่น้ำยัง ลำห้วยโพง และลำเซบาย เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรจำนวน 70,073 ไร่ อีกทั้งยังไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนจำนวน 93 หลังคาเรือน วัดระดับน้ำได้ที่ 50 เซนติเมตร-1 เมตร นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างเสนอ อ.เมือง และ อ.ไทยเจริญ เป็นพื้นที่ประสบอุทกภัยเพิ่มเติม
“ลำน้ำก่ำ”สูง-3ตำบล“นครพนม”เสี่ยง
ที่ จ.นครพนม น้ำได้เอ่อล้นบริเวณประตูระบายน้ำบ้านนาคู่ ต.พิมาน อ.นาแก เป็นระยะทางกว่า 200 เมตร เนื่องจากเป็นจุดที่น้ำจากลำน้ำบัง ไหลมารวมกับลำน้ำก่ำ ส่งผลให้น้ำท่วมถนนทางเข้าหมู่บ้านเป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตร และบ้านเรือนถูกน้ำเสียหายกว่า 500 หลังคาเรือน โดยพื้นที่ อ.นาแก ติดกับลำน้ำก่ำ จะรองรับน้ำมาจากหนองหาร จ.สกลนคร ก่อนไหลลงแม่น้ำโขง
เบื้องต้น จ.นครพนม ประกาศให้เป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน 3 ตำบล คือ ต.นาแก ต.นาคู่ และ ต.พิมาน พร้อมแจ้งเตือนให้ประชาชนจัดเก็บสิ่งของและเคลื่อนย้ายสัตว์เลี้ยงขึ้นที่สูง รวมทั้งระดมเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง
“13อ่าง”ศรีสะเกษน้ำล้น!
ที่ จ.ศรีสะเกษ อ่างเก็บน้ำจำนวน 13 แห่ง จากที่มีอยู่ทั้งหมด 16 แห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอ่างเก็บน้ำที่อยู่ติดกับเทือกเขาพนมดงรัก ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ปรากฏว่าน้ำได้ล้นสปิลเวย์แล้ว ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยสำราญ น้ำล้นสปิลเวย์ ประมาณ 10 ซม. , อ่างเก็บน้ำห้วยศาลา ล้นสปิลเวย์ ประมาณ 10 ซม. , อ่างเก็บน้ำห้วยติ๊กชู น้ำล้นสปิลเวย์ ประมาณ 15 ซม. และอ่างเก็บน้ำโอว์ตาลัด น้ำล้นสปิลเวย์ ประมาณ 10 ซม. และได้ไหลทะลักลงมาตามลำห้วยและตามลำน้ำสาขา เอ่อล้นเข้าไปท่วมพื้นที่ทางการเกษตรของชาวบ้านในเขตหลายอำเภอจำนวนกว่า 20,000 ไร่ รวมทั้งถนนหลายสายถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย ส่วนบ้านเรือนของชาวบ้านยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
เตือน ปชช.ระวัง-ขนของขึ้นที่สูง
อย่างไรก็ตาม หากเกิดฝนตกหนักและมีมวลน้ำไหลเข้าสู่อ่าง และล้นสปิลเวย์เกิน 50-80 ซม. มวลน้ำจะไหลเข้าสู่พื้นที่รองรับน้ำตามลำห้วยสาขา จาก อ.ภูสิงห์ ขุขันธ์ ปรางค์กู่ วังหิน และจะเข้าสู่ตัว อ.เมืองศรีสะเกษ ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 วัน
ด้านนายธวัช สุระบาล ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ขอเตือนไปยังประชาชนที่อาศัยอยู่ในที่ลุ่มต่ำริมลำห้วยต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียว ขอให้อพยพไปอยู่ที่สูงและปลอดภัย เพื่อเป็นการป้องกันน้ำท่วมฉับพลันที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
มวลน้ำทะลักท่วม“สุรินทร์”
ที่ จ.สุรินทร์ มวลน้ำจาก อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ และ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ได้ไหลมารวมกัน และไหลเข้าสู่ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นเขตติดต่อกัน เพื่อไปลงที่แม่น้ำมูล ส่งผลให้มวลน้ำไหลบ่าเอ่อล้นท่วมนาข้าวหอมมะลิกว่า 3,000 ไร่ ระดับน้ำสูงประมาณ 50 ซม. และเพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากสถานการณ์น้ำดังกล่าว ทางนายอำเภอชุมพลบุรี ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เฝ้าระวังและติดตาม พร้อมรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินสถานการณ์ และให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนต่อไป
“ป่าสัก”จ่อท่วมเมืองเพชรบูรณ์
ที่ จ.เพชรบูรณ์ ระดับน้ำแม่น้ำป่าสัก ที่ไหลเข้ามาในพื้นที่เขต อ.เมืองเพชรบูรณ์ พบว่า สูงขึ้นจากระดับปกติ ทำให้ทางจังหวัดต้องเฝ้าระวังว่าน้ำอาจล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน โดยพื้นที่แรกที่จะรับผลกระทบ คือ 3 หมู่บ้านใน ต.ท่าพล
ดร.เสกสรร นิยมเพ็ง นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบูรณ์ ได้สั่งการให้เตรียมกระสอบทราย และ อุปกรณ์ป้องกันเตรียมพร้อมรับน้ำที่กำลังเคลื่อนตัวมาจาก อ.หล่มสัก ซึ่งคาดว่าจะมาถึงตัวเมืองเพชรบูรณ์ ภายใน 1-2 วันนี้ โดยประชาชนที่พักอาศัยริมแม่น้ำป่าสัก บริเวณชุมชนที่ 8 , 9 , 12 และ 15 ให้เก็บสิ่งของขึ้นที่สูง เพื่อป้องกันความเสียหายจากน้ำล้นตลิ่ง
นาข้าว“อ.ดงเจริญ-พิจิตร”จมน้ำ
ที่ จ.พิจิตร น้ำป่าจากเทือกเขาเนินมะปราง จ.พิษณุโลก ไหลเข้าท่วมพื้นที่เขตเทศบาลตำบลสากเหล็ก อ.สากเหล็ก รวม 8 ชุมชน กว่า 200 หลังคาเรือน ล่าสุดระดับน้ำยังทรงตัว บนถนนเส้นทางสัญจร ภายในหมู่บ้านยังมีน้ำท่วมถนนสูง 30-40 ซม. และในพื้นที่ลุ่มต่ำระดับน้ำท่วม 70-80 ซม. ประชาชนยังต้องลุยน้ำในการสัญจรเข้าออกภายในหมู่บ้าน
นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผวจ.พิจิตร กล่าวว่า ได้สั่งการให้ อ.ดงเจริญ เร่งเปิดเส้นทางน้ำทุกด้านให้ไหลสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากน้ำที่ท่วมไหลมาทางด้านทิศตะวันออก ซึ่งเป็นเทือกเขาเพชรบูรณ์มีปริมาณมาก โดยขณะนี้ใน ต.ห้วยร่วม อ.ดงเจริญ มีน้ำท่วม 5 หมู่บ้าน นาข้าวใกล้เก็บเกี่ยวถูกน้ำท่วมกว่า 500 ไร่ ถ้าระบายน้ำได้ทันนาข้าวจะไม่เสียหายมากกว่านี้
น้ำท่วมสกลฯคลี่คลายสัปดาห์นี้
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ ว่า ขณะนี้คลี่คลายไปแล้ว 30 จังหวัด จาก 42 จังหวัด ยังไม่คลี่คลายอีก 12 จังหวัด อาทิ จังหวัดภาคกลางตอนบน และจังหวัดอีสานบางส่วน แต่ที่หนักสุดอยู่ จ.สกลนคร แต่ช่วงถนนและ อ.หนองหาร ลดลงแล้ว จึงคาดว่าสถานการณ์จากคลี่คลายภายในสัปดาห์นี้
3ทุ่มคืนนี้เปิดใช้“สนามบิน”
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดน้ำท่วมขังภายในและบริเวณโดยรอบท่าอากาศยาน จ.สกลนคร ทำให้กรมท่าอากาศยาน(ทย.) ได้ออกประกาศนักบิน(NOTAM) ปิดท่าอากาศยานสกลนครตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด ทย.ได้ติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา และให้กรมทางหลวง(ทล.) และกรมทางหลวงชนบท(ทช.) ส่งเจ้าหน้าที่ พร้อมเครื่องมือตรวจสอบความแข็งแรงทางวิ่ง(Runway) และทางขับ(Taxiway)
ผลการตรวจสอบ พบว่า ทางวิ่งและทางขับของท่าอากาศยานสกลนคร มีความแข็งแรงเพียงพอที่จะรองรับการขึ้นลงของเครื่องบินแบบ Boeing 737-800 ได้อย่างปลอดภัย และท่าอากาศยานสกลนครจะเปิดให้บริการในวันที่ 31 ก.ค.60 ตั้งแต่เวลา 21.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งเร็วกว่าที่กำหนดไว้ในประกาศนักบิน(NOTAM)
มท.เล็งลดหย่อนภาษีบำรุงท้องที่
ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต อธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย(มท.) กล่าวว่า ปัญหาอุทกภัยยังคงมีอยู่ จึงขอให้ปลัดจังหวัด และนายอำเภอในพื้นที่ประสบภัย เฝ้าระวังและเข้าแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยให้เตรียมสำรวจข้อมูลเกษตรกร และประชาชน ที่ได้รับความเสียหาย และกรมการปกครอง จะกำหนดมาตรการบรรเทาความเดือดร้อน เช่น การลดหย่อนภาษีบำรุงท้องที่ ค่าเช่านา การขยายเวลาไถ่ถอนทรัพย์จากโรงรับจำนำ การทำบัตรประจำตัวประชาชนหรือทะเบียนบ้านที่สูญหาย เป็นต้น
เยียวยาครัวเรือน5พัน-เสียชีวิต5หมื่น
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธรณภัย ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงหลักเกณฑ์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคอีสาน โดยเบื้องต้นจะใช้หลักเกณฑ์ คือ เยียวยาครัวเรือนละ 5,000 บาท เบื้องต้นมีผู้ได้รับผลกระทบแล้ว 7,000 ครัวเรือน ส่วนผู้เสียชีวิตขณะนี้มี 11 ราย จะได้รับการช่วยเหลือรายละ 50,000 บาท โดยนายกรัฐมนตรีจะมอบเงินระหว่างการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมในวันที่ 2 ส.ค.นี้ ที่ จ.สกลนคร
4ส.ค.เปิดรายการระดมทุน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้อนุมัติหลักเกณฑ์ในการจัดสร้างจุดผลิตอาหารสด ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) จะเป็นผู้รับผิดชอบหลัก เบื้องต้นจะตั้งใน 3 อำเภอใน จ.สกลนคร ประกอบด้วย อ.สว่างแดนดิน อ.พังโคน และ อ.อากาศอำนวย ให้ค่าอาหารหัวละ 30 บาทต่อมื้อ ขณะเดียวกันในวันที่ 4 ส.ค.รัฐบาลจะจัดรายการเพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เป็นกิจกรรมเหมือนครั้งที่มีการช่วยเหลือภาคใต้ โดยจะเสนอชื่อรายการให้นายกฯ พิจารณา เช่น รายการคนไทยไม่ทิ้งกัน , น้ำใจให้อีสาน เป็นต้น
“บิ๊กตู่”ลงพื้นที่ไปสกลฯ2ส.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า ในวันพุธที่ 2 ส.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะเดินทางลงพื้นที่ จ.สกลนคร เพื่อให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยนายกฯ จะออกเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ในเวลา 07.30 น.ด้วยเครื่องบินกองทัพอากาศ และถึงท่าอากาศยานค่ายกฤษณ์สีวะรา จ.สกลนคร พร้อมรับฟังบรรยายสรุปการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในเขตพื้นที่สกลนคร
จากนั้นเวลา 09.00 น.นายกฯ และคณะจะเดินทางโดยรถตู้ไปยังศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัย(โรงยิม อบต.สน.) เพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยพร้อมแจกถุงยังชีพ ก่อนที่จะเยี่ยมชมครัวพระราชทานสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมกันนี้นายกฯใช้เรือไปตรวจเยี่ยมประชาชนในเขตพื้นที่ชุมชนรอบหนองหาร และไปดูการซ่อมแซมอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้นที่พังทลายก่อนเดินทางกลับกทม.ในช่วงบ่าย