นายไมค์ แบทเชเลอร์ หัวหน้าฝ่ายขายภาคพื้นเอเชีย หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม เจแอลแอล บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ประเทศไทยมีการซื้อขายโรงแรมรวมมูลค่า 10,700 ล้านบาท จากการซื้อขายโรงแรม 4 แห่งในกรุงเทพฯ และ 1 แห่ง ในพัทยา
“การซื้อขายที่มีมูลค่าสูงในช่วงครึ่งปีแรก นอกจากจะแสดงให้เห็นว่านักลงทุนมีความสนใจลงทุนซื้อโรงแรมในไทยสูงแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อภาคการท่องเที่ยว ของไทยในระยะยาวอีกด้วย”
สำหรับผู้ซื้อประกอบด้วยทั้งนักลงทุนไทยและนักลงทุนจากต่างชาติ โดยนักลงทุนต่างชาติรายล่าสุดที่ซื้อโรงแรมในไทยคือ โฮเทล เอทตี้วัน (Hotel 81) และกลุ่มคาร์ลตัน โฮเทล ซึ่งเป็นทุนจากสิงคโปร์ พร้อมคาดว่าการลงทุนซื้อขายโรงแรมในไทยทั้งปีนี้ จะมีมูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2559 มีการซื้อขายโรงแรมในไทยกว่า 10 แห่ง ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ๆ รวมมูลค่า 9,600 ล้านบาท
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA เปิดเผยแนวโน้มการลงทุนของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังของปี 2560 จนถึงต้นปี 2561 ว่า ภาพรวม ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงครองส่วนแบ่งการตลาดสินค้าใหม่เพิ่มมากขึ้น และมีบริษัทในเครือเพิ่มมากขึ้น (ปี 2560 มีสัดส่วนของยูนิตมากถึง 77%) และมีการร่วมทุนกับต่างชาติมากขึ้น โดยการเข้ามาลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติมีมากขึ้น เช่น จีน ญี่ปุ่น และผู้ประกอบการบางรายมีการนำสินค้าไปขายตลาดต่างประเทศมากขึ้น
ขณะที่แผนการลงทุนเมกะโปรเจกท์ของภาครัฐมีความชัดเจนขึ้น เปิดทำเลใหม่ๆ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ซึ่งเป็นผลที่ทำให้ ผู้ประกอบการบางรายกระจายการลงทุนในพื้นที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor EEC) ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ขณะที่กลุ่มผู้ซื้อเพื่อเก็งกำไร-ลงทุน ลดลง เพราะต้นทุนในการลงทุนสูงขึ้น การปล่อยเช่าได้ยากขึ้น เนื่องจากมีอุปทานออกมาสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับการแข่งขันสูงและผลตอบแทนการลงทุนต่ำลง